Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

6 วิธีหยุดควันบุหรี่มือสองเพื่อลูกน้อย

ควันบุหรี่มือสองที่ผู้สูบสร้างพิษภัยในอากาศ และทำร้ายผู้สูดดมที่อยู่ใกล้ไปด้วยโดยเฉพาะลูกวัยเบบี๋และแม่ท้อง เมื่อได้รับสารพิษจากควันบุหรี่มือสองนาน ๆ จะทำให้เกิดโรคต่างๆ ง่ายขึ้น พบว่าผู้ไม่สูบบุหรี่หลายแสนคนต้องเสียชีวิต เนื่องจากได้รับควันบุหรี่มือสอง แม่ท้อง หากได้รับควันบุหรี่มือสองก็จะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนในขณะตั้งครรภ์และการคลอดได้สูง อาจเกิดครรภ์เป็นพิษ แท้ง คลอดก่อนกำหนด เด็กที่เกิดมาก็จะมีความเสี่ยง มีน้ำหนักตัวน้อย ตัวเล็ก มีความยาวน้อยกว่าเด็กปกติ พัฒนาการทางสมองล่าช้า อาจมีความผิดปกติทางระบบประสาท ความจำ เป็นต้น เด็กเล็ก อาจป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น หลอดลมอักเสบ ปอดบวม และมีอัตราการเป็นโรคหืดเพิ่มขึ้น เกิดการติดเชื้อของหูส่วนกลาง และในระยะยาวก็จะมีพัฒนาการของปอดน้อยกว่าเด็กที่ไม่ด้รับควันบุหรี่ ป้องกันแม่ท้องและลูกน้อยจากควันบุหรี่มือสอง อยู่ให้ห่างหรือเดินเลี่ยงไปไม่อยู่ใกล้คนที่สูบบุหรี่ พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ที่มีคนสูบบุหรี่ บอกคนที่บ้านหรือคนที่สูบบุหรี่ใกล้ตัวให้เลิกสูบบุหรี่ พยายามทำให้บ้าน รถยนต์ส่วนตัว และที่ทำงานปลอดบุหรี่ ดูว่าสถานที่รับเลี้ยงเด็กที่นำลูกไปฝาก หรือโรงเรียนเป็นสถานที่ปลอดบุหรี่หรือไม่ ถ้าไม่ควรเปลี่ยนสถานที่ สอนให้ลูกอยู่ห่างจากควันบุหรี่มือสอง และไม่อยู่ใกล้ชิดกับคนสูบบุหรี่ ในระยะยาว คนที่ได้รับควันบุหรี่มือสองเป็นเวลานาน ๆ มีโอกาสเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็งคล้ายกับคนที่สูบบุหรี่เอง เด็ก แม่ท้อง และทุกคนจึงควรหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ค่ะ ข้อมูลอ้างอิง…

Read more

แม่ท้องเตรียมตัวอย่างไรเมื่อต้องบิน ?

แม่ท้องอาจต้องเดินทางไปต่างประเทศ ช่วงเวลาที่เหมาะคือ ไตรมาสที่ 2 คุณแม่ไม่แพ้ท้องแล้วและโอกาสเสี่ยงน้อยกว่าไตรมาสแรกและไตรมาสสุดท้าย ควรเตรียมตัวดังนี้ค่ะ 1.ตรวจสุขภาพก่อนไป ปรึกษาคุณหมอสักนิด และพกยาที่ใช้ประจำรวมทั้งยาจำเป็นต่าง ๆ ไปด้วย 2.เตรียมใบรับรองแพทย์ไปด้วยหรือบอกทางสายการบินว่าตั้งครรภ์ เพื่อทางสายการบินจะได้เลือกที่นั่งที่สบายสำหรับคนท้องให้ 3.ลุกขึ้นเดินบ้างและควรเลือกที่นั่งที่สามารถยืดตัวได้มาก ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ คุณแม่อาจเตรียมอาหารส่วนตัวไปด้วย เผื่อกินอาหารบนเครื่องไม่ได้ 4.การเดินทางไกลข้ามทวีป ควรใช้เวลาพักผ่อนหลังการเดินทาง 2-3 วัน เพื่อให้หายเหนื่อยและหายเครียดจากการเดินทาง และให้ร่างกายได้ปรับตัวกับสถานที่และเวลาที่แตกต่าง 5.ติดตามข่าวโรคระบาดก่อนเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยง

Read more

แม่ท้องเลี้ยงสัตว์ได้หรือเปล่า ?

คุณแม่หลายท่านอาจมีสัตว์เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนคลายเหงาก่อนตั้งครรภ์อยู่แล้ว เมื่อตั้งครรภ์สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือสุขอนามัยและความปลอดภัย คุณแม่ควรทราบหากมีสัตว์เลี้ยงในบ้าน 1.ควรเช็คและดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง พาไปรับวัคซีน ป้องกันการนำโรคต่าง ๆ หลายชนิดมาสู่แม่ท้องและลูก บางโรคอันตรายถึงชีวิต 2.ควรแยกสัตว์ให้อยู่เป็นสัดส่วนอย่างเหมาะสม อาจมีที่กั้นคอกสุนัข กรง หรือพื้นที่ของสัตว์เลี้ยง และอยู่ในพื้นที่โล่งมีอากาศถ่ายเท 3.หากเลี้ยงสุนัขหรือแมวขนยาว ควรพาสุนัขหรือแมวไปตัดขนให้สั้น 4.ทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ เพื่อป้องกันเชื้อโรคจากสัตว์เลี้ยง 5.หมั่นอาบน้ำทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงเสมอ 6.ป้องกันสัตว์เลี้ยงไม่ให้มีการรับเชื้อโรคโดยไม่ให้ไล่จับหนู ไม่ให้กินอาหารที่เป็นเนื้อสด และระมัดระวังไม่ให้สัตว์เลี้ยงไปคลุกคลีกับสัตว์นอกบ้าน เพราะอาจติดเชื้อโรคมา 7.การเลี้ยงปลาหรือเต่าในอ่างน้ำหรือโหลแก้ว ต้องหมั่นทำความสะอาดและเปลี่ยนน้ำบ่อยๆ 8.นกหรือสัตว์ปีก อาจนำเชื้อโรค มาสู่คุณแม่ได้ ต้องดูแลและใส่ใจเรื่องของความสะอาดเป็นพิเศษ 9.เมื่อสัมผัสหรือโดนน้ำลายของสัตว์เลี้ยง ต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง 10.แยกห้องนอนกับสัตว์เลี้ยง และไม่คลุกคลีกับสัตว์เลี้ยงมากนักในขณะที่ตั้งท้อง

Read more

กินผลไม้อะไรดีช่วงตั้งท้อง ?

การกินผลไม้ทุกวันในระหว่างตั้งท้อง เส้นใยหรือไฟเบอร์ในผลไม้นอกจากจะช่วยลดอาการท้องผูกแล้ว ในผลไม้ยังอุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่ที่ดีต่อร่างกายคุณแม่และลูกน้อยด้วย ผลไม้แก้ท้องผูก ผลไม้หลายชนิดช่วยในการขับถ่าย เช่น มะละกอ มะขาม ส้ม แอปเปิ้ล ฝรั่ง กล้วยน้ำว้า ลูกพรุน องุ่น เป็นต้น แต่ไม่ควรกินผลไม้ที่ช่วยขับถ่ายง่าย อย่างลูกพรุน มะขาม หรือ มะละกอ มากเกินไป เพราะจะทำให้ถ่ายมาก มดลูกมีการบีบตัวอาจกระตุ้นให้คลอดก่อนกำหนด สารอาหารมีคุณค่า วิตามินซี จะช่วยในการสร้างกระดูกและฟันของลูก ช่วยเผาผลาญอาหารและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง กรดโฟลิก พบในผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม ซึ่งกรดโฟลิกเป็นสารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต การเจริญพันธุ์และป้องกันความผิดปกติของเลือด วิตามินเอ เช่น สารเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารจำเป็นที่ใช้ในการเจริญเติบโตของเซลล์ร่างกาย ความสมบูรณ์ของเซลล์ผิวหนัง กระดูกและตา พบได้ในผักและผลไม้สีเหลือง เช่น แคนตาลูป มะม่วง มะละกอ ฟักทอง เป็นต้น นอกจากนี้ ในผลไม้ยังมีสารอาหารประเภทอื่นๆ เช่น แคลเซียมที่พบได้ในฝรั่ง…

Read more

8 เคล็ดลับช่วยแม่ท้องหลับสบาย

แม่ท้องโดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายมักจะมีปัญหาอึดอัดนอนไม่สบายตัว เนื่องจากท้องใหญ่ขึ้นทำให้หายใจไม่สะดวก มีข้อแนะนำมาฝากช่วยให้คุณแม่หลับสบายขึ้นค่ะ 1.ควรนอนตะแคงซ้าย เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงลูกในท้องและอวัยวะภายในได้มากขึ้น ไม่ควรนอนหงายเป็นระยะเวลานาน 2.ควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสม ป้องกันอาการปวดท้อง อย่ากินอาหารแต่ละมื้อมากเกินไป ลดเผ็ดและเปรี้ยว หากแน่นท้องเวลานอนหนุนหัวให้สูง ดื่มน้ำมาก ๆ ในเวลากลางวัน ไม่ดื่มน้ำใกล้เวลานอน 3.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ระบบไหลเวียนเลือดดีและลดการเป็นตะคริวที่เท้า 4.แม่ท้องนอนกรนบางรายอาจจะต้องใช้หมอนสำหรับคนท้อง 5.หากมีอาการของโรคภูมิแพ้ ให้รีบพบแพทย์เพื่อรักษา ป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อภายในจมูกบวม 6.หาเวลางีบหลับในช่วงกลางวัน 7.หลีกเลี่ยงการใช้ยา เช่น ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท 8.ปรึกษาแพทย์หากมีอาการนอนกรน

Read more

3 วิธีล้างผักลดสารเคมี

เตรียมอาหารให้ลูกเองก็ต้องสะอาดปลอดภัย เรามีวิธีล้างผักและผลไม้เพื่อลดสารเคมีมาฝากแม่ ๆ ค่ะ วิธีที่ 1 แช่ผักไว้ในน้ำนาน 15 นาที จากนั้นยกผักขึ้นจากกะละมังแล้วนำไปรองใต้ก๊อก เปิดน้ำก๊อกให้ไหลผ่าน คลี่ใบผักให้โดนน้ำทั่วถึง ใช้มือถูผักผลไม้ และใช้เวลาล้างนานประมาณ 2 นาที วิธีที่ 2 แช่ในน้ำผสมน้ำส้มสายชู 5% ในอัตราส่วน น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร แช่ทิ้งไว้นานประมาณ 15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง วิธีที่ 3 ใช้เบกกิ้งโซดา ครึ่งช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 10 ลิตร แช่ผักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที นาทีจากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด การล้างผักทั้ง 3 วิธีนี้สามารถช่วยคุณแม่ลดสารเคมีตกค้างและยังช่วยล้างดิน และล้างเชื้อโรคที่ปนเปื้อนอยู่ออกไปจากผักได้ค่ะ ข้อมูลอ้างอิง กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

Read more

5 เคล็ดลับปกป้องผิวลูกน้อยจากผื่นผ้าอ้อม

ผิวเบบี๋ทั้งอ่อนบางและมีโอกาสแพ้ง่าย คุณแม่จึงต้องทะนุถนอมผิวของลูกน้อยในวัยนี้เป็นพิเศษโดยเฉพาะเบบี๋ในช่วงแรกเกิดปัญหาผิวที่มักกวนใจเป็นประจำก็คือผื่นผ้าอ้อมค่ะ เเมื่อมีผื่นผ้าอ้อมลูกน้อยอาจร้องโยเยเนื่องจากไม่สบายเนื้อสบายตัวสร้างความกังวลใจให้คุณแม่ปัญหานี้แก้ไข้ได้ไม่ยากค่ะเรามาทำความรู้จักกับสาเหตุกันก่อนสักนิด  สาเหตุที่พบได้บ่อย 1.เกิดจากความเปียกชื้น ทั้งจากความชื้นเกิดจากการใส่ผ้าอ้อมในขณะที่ตัวยังไม่แห้งสนิท  2.การแช่อยู่ในผ้าอ้อมที่เปียกฉี่หรืออึนานเกินไป  3.การติดเชื้อแบคทีเรียหรือยีสต์อาจทำให้เกิดผื่นผ้าอ้อมได้ ทารกที่รับประทานยาปฏิชีวนะมักจะไวต่อการเกิดผื่นผ้าอ้อมจากเชื้อยีสต์  แนะนำ 5  วิธีปกป้องผิวอันบอบบางของลูกจากผื่นผ้าอ้อม  1.หมั่นดูผ้าอ้อมลูกบ่อย ๆ ดูว่าเปียกชื้น ลูกอึฉี่หรือยัง อย่าปล่อยให้นอนแช่ผ้าอ้อมเปื้อนอยู่นาน ๆ ให้รีบเปลี่ยน 2.ล้างทำความสะอาดผิวลูกบริเวณที่อยู่ในผ้าอ้อมไม่จำเป็นต้องใช้สบู่ทุกครั้งอาจใช้น้ำเปล่าบ้าง หรือใช้สบู่เด็กที่อ่อนโยนต่อผิวเด็ก ปราศจากน้ำหอมหรือสารเคมีที่ก่อให้เกิดความระคายเคือง อาจเลือกผลิตภัณฑ์ประเภทออแกนิกเพื่อความปลอดภัยต่อลูกกน้อย   3.ใช้ผ้าสะอาดนุ่ม ๆ เช็ดผิวลูกอย่างอ่อนโยน เลี่ยงการใช้ทิชชู่เปียกที่ผสมน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันการระคายเคือง 4.ปล่อยให้บริเวณผ้าอ้อมแห้งสนิทก่อนใส่ผ้าอ้อม 5.ทาปิโตรเลียมเจลลี่ หรือครีมป้องกันผื่นผ้าอ้อมก่อนให้ลูกใส่ผ้าอ้อม   หากผื่นยังไม่หายไปภายใน 2-3 วัน หรือเป็นผื่นแดงมากขึ้นควรพาไปพบคุณหมอเพราะอาจติดเชื้อแบคทีเรียหรือยีสต์ค่ะ

Read more

เด็ก ๆ ทาครีมกันแดดได้มั้ย ?

ทุกวันนี้แดดแรงทุกฤดู หรือในช่วงวันฟ้าครึ้มแดดไม่แรงจัดก็ตามแต่รังสียูวีก็ยังสามารถทำร้ายผิวได้ แม่ ๆ มักจะทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านเพื่อปกป้องผิวสวย แต่ทราบไหมคะว่าเด็ก ๆ ก็ต้องการการปกป้องผิวเช่นกัน เพราะหากไม่ปกป้องผิวลูกจากอันตรายของรังสียูวี ผิวของลูกอาจมีโอกาสถูกทำร้าย โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับแสงแดดแรงกล้ายามเที่ยงวันมีโอกาสที่ผิวจะแสบแดงและร้อนได้  6 เดือนขึ้นไป  Dr. Lawrence Gibson แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเมือง  Rochester รัฐ Minnesota ประเทศสหรัฐฯ เขียนบทความหนึ่งลงเว็บไซต์ Mayoclinic.org ว่า เด็กวัยตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปจึงจะสามารถใช้ครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิว  คุณแม่จำเป็นต้องอ่านฉลากบนครีมกันแดดด้วยค่ะ เนื่องจากบางแบรนด์อาจมีคำแนะนำในการใช้ว่าเหมาะกับเด็กในวัยต่างกันไป เช่น 6 เดือน หรือ 12 เดือน เป็นต้น วิธีเลือกครีมกันแดดให้ลูกน้อย   การเลือกครีมกันแดด (Sunscreen) สำหรับลูกน้อยวัย 6 เดือนขึ้นไป จำเป็นต้องมีความละเอียดอ่อนสักนิด เนื่องจากผิวเด็กยังอ่อนบางกว่าผู้ใหญ่ แนะนำวิธีเลือกดังนี้ค่ะ  1.มี SPF อย่างน้อยตั้งแต่ 30 ขึ้นไป 2.ปราศจากน้ำหอม สี แอลกอฮอล์ และสารเคมีต่าง ๆ  3.ผ่านการทดสอบค่า SPF…

Read more

ปกป้องผิวทารกจากรังสียูวีอย่างไรดี ?

เมื่อต้องออกไปสัมผัสกับแสงแดด แม่ ๆ หรือเด็กโตเมื่อออกนอกบ้านสามารถทาครีมกันแดดปกป้องผิวจากการทำลายของรังสียูวี แต่สำหรับทารกก่อนวัย 6 เดือนแล้ว ผิวหนังยังอ่อนบางและมีโอกาสแพ้ได้ง่าย จึงยังไม่เหมาะกับการทาครีมกันแดด (Sunscreen) เพื่อปกป้องผิว แต่ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ ถึงแม้ทารกน้อยจะยังใช้ครีมกันแดดไม่ได้ เรายังมีวิธีอื่นในการดูแลปกป้องผิวลูกน้อย โดยการเลี่ยงพาลูกออกไปสัมผัสกับแสงแดดจัดนอกบ้านในช่วง 9 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมงซึ่งเป็นช่วงแดดจัด หรือดูว่าก่อนและหลังเวลาดังกล่าวแดดยังแรงอยู่ก็ควรเลี่ยงเช่นกัน กางร่ม ใส่เสื้อผ้าปกปิดผิวลูกไม่ให้โดนแสงแดดโดยตรง หรือสวมหมวกให้ลูกจะได้ไม่ต้องสัมผัสกับรังสียูวีโดยตรง คุณแม่ควรดูสักนิดว่าการสวมเสื้อผ้าหรือหมวกเพื่อป้องกันแสงแดดนั้นจะทำให้ลูกร้อนอบอ้าวเกินไปหรือไม่นะคะ

Read more

4 เทคนิคกินแก้ปัญหานมแม่มาน้อย

คุณแม่ที่มีน้ำนมมาน้อยไม่ต้องกังวลมากเกินไปว่าจะไม่มีน้ำนมให้ลูกค่ะ มีหลายวิธีกินอาหารเพื่อช่วยเพิ่มน้ำนมแม่มาแนะนำกันค่ะ 1.กินให้พอในแต่ละวัน กินอาหารในปริมาณพอเพียงกับร่างกายต้องการในช่วงให้นมลูกไม่ทนหิว ไม่อดหรือลดอาหารเพระอยากผอมโดยเฉพาะ 6 เดือนแรก กินอาหารครบหมวดหมู่ 2.กินอาหารเพิ่มน้ำนมแม่ อาหารเพิ่มน้ำนมแม่มีหลากหลายชนิด และยังหาได้ง่ายค่ะ เช่น หัวปลี อินทผลัม ฟักทอง ใบกระเพรา น้ำเต้า กระเทียม มะละกอ งาดำ ฯลฯ สามารถเลือกปรุงเป็นเมนูที่ชอบได้ไม่ยาก 3.ดื่มน้ำหัวปลี เดี๋ยวนี้สะดวกสบายขึ้นค่ะ คุณแม่ให้นมลูกสามารถหาน้ำหัวปลีดื่มได้ ไม่ต้องเตรียมหาอาหารเพิ่มน้ำนมแม่อยู่ตลอดเวลา ประหยัดเวลาไปได้มากทีเดียวค่ะ บางยี่ห้อก็รสชาติอร่อยดื่มง่ายด้วยค่ะ *แนะนำ น้ำหัวปลีผสมอินทผลัม Mommy Juicy https://www.facebook.com/mommyjuicy/ 4.ดื่มน้ำให้พอเพียง การดื่มน้ำให้พอเพียงในแต่ละวัน จะช่วยให้คุณแม่มีน้ำนมพอสำหรับลูก ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำในปริมาณที่มากเกินไป ประมาณ 6-8 แก้วก็พอเพียง สังเกตปัสสาวะ ถ้ามีสีเหลืองเข้มแสดงว่าคุณแม่ขาดน้ำ อย่าลืมดื่มน้ำเพิ่มกันนะคะ

Read more