แม่ๆ หลายคนเป็นกังวลกับกับดักที่ตัวเองสร้างขึ้นมา ว่าฉันเป็นแม่ที่ดีหรือยัง ? เราจึงอยากมาเสริมความมั่นใจในความเป็นแม่กันให้มากขึ้นค่ะ 1. อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับแม่คนอื่น แต่ละคนมีวิธีการเลี้ยงลูกที่ไม่เหมือนกัน ลูกเรามาเกิดกับเรา ธรรมชาติย่อมคัดสรรมาแล้วว่า แม่ลูกคู่นี้เหมาะที่จะดูแลกัน เราอย่าไปมองคนอื่นแล้วนำมาเปรียบเทียบ เอาแค่บางวิธีการที่เหมาะ และนำมาปรับใช้ให้กับเราและลูก แต่อย่างไรก็ตาม ต้องเป็นตัวของตัวเอง 2. ดีที่สุดของคุณคือดีพอ ข้อนี้มักจะเกิดจากการที่เรารู้สึกว่า เราไม่ดีพอ หรือเราพยายามไม่มากพอหรือเปล่า ถ้าคุณแม่ท่านไหนคิดแบบนี้อยู่ ลองมองไปที่ลูก แล้วดูสิว่าลูกเราต้องการอะไรเหมือนที่เราคิดหรือไม่ เช่น ลูกจะจำว่าเราไม่มีตังค์จะซื้อของเล่นแพงๆ ให้ลูก หรือลูกจะจดจำช่วงเวลาที่เขาได้ประดิษฐ์ของเล่น และเล่นสนุกสนานกับแม่มากกว่า 3. ดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าละเลยอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเอง เพราะแม่ที่ป่วยอยู่เสมอจะไม่มีพลังในการเลี้ยงลูก และเลี้ยงได้อย่างไม่เต็มที่ แต่ถ้าคุณแม่แข็งแรง กระปรี้กระเปร่า ก็จะใช้เวลากับลูกได้เต็มที่ ทำกิจกรรมกับลูกได้อีกนาน 4. น้อยคือมาก รู้ไหมว่าเด็กๆ สนุกกับชีวิตเรียบง่าย และจดจำของขวัญชิ้นเล็กๆ ที่แม่ให้ด้วยความรัก มากกว่างานปาร์ตี้ใหญ่โต หรืองานเลี้ยงวันเกิดที่สมบูรณ์แบบ เขาอาจจะไม่ลืมของขวัญชิ้นใหญ่ๆ ที่ได้รับ แต่เขาก็จะระลึกถึงของขวัญเล็กๆ ที่มีคุณค่าทางจิตใจของเขาเสมอ 5. การสื่อสารเป็นกาวใจระหว่างแม่กับลูก ต้องเริ่มตั้งแต่ลูกยังเล็ก…
Knowledge
ความรู้ ทั้งอัพเดท และ How to การเลี้ยงดูลูก รวมถึงการดูแลตัวเอง ฉบับคุณแม่ คุณพ่อ ยุคใหม่ ที่ครบคลุมตั้งแต่ ช่วงตั้งครรภ์ จนถึง ลูกอยู่ในวัยประถม
ยาเสียสาวไม่ได้มีเพียง อัลปราโซแลม ซึ่งเป็นยาที่นิยมใช้วางยาผู้หญิงในยุคปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังมียาเสียสาวอีกมากมายให้ต้องระวัง และรู้เท่าทันกันอีกด้วยค่ะ ดังนี้ 1. ทิงเจอร์ขาว ใช้กับผู้หญิงเท่านั้น เป็นยาแรงที่ออกฤทธิ์นานถึงชั่วโมงครึ่ง ผู้ที่โดนยาจะมีความต้องการทางเพศสูง และจะถูกล่วงละเมิดทางเพศได้ง่าย 2. GHB เป็นยาผงสีขาวละลายน้ำได้ ใสๆ ไม่มีรส ไม่กลิ่น ไม่มีสี ออกฤทธิ์นานนับชั่วโมง ผู้ที่โดนมอมยาตัวนี้จะมีอาการเบลอๆ เคลิ้มๆ มีอาการมึนงง ไม่ค่อยรู้ตัว และจะมีความต้องการทางเพศเช่นเดียวกัน 3. อัลปราโซแลม เป็นยาบดละเอียดลงในเครื่องดื่ม ออกฤทธิ์นานหลายชั่วโมง เป็นยาที่ถูกใช้กันมากในยุคนี้ โดยผู้ที่โดนยาตัวนี้จะมีอาการมึนงง และหลับอย่างง่ายดาย 4. Ketarol เป็นยาป้ายที่คอให้สลบให้มึนงงก่อน แล้วจึงทำให้สลบนานถึง 3 ชั่วโมง 5. Ether ยาสลบที่ใช้แบบดมหรือโปะยาสลบอย่างแรง ทำให้ หมดสตินานถึง 8 ชั่วโมง เป็นยาที่ส่งผลเสีย คือ ถ้าถูกโปะยาสลบบ่อยจะทำให้สมองตอบสนองได้ช้า 6. MAROC เป็นยาชนิดน้ำ ใช้ผสมลงในเครื่องดื่ม เป็นตัวยากระตุ้นให้มีอาการทางเพศได้นานนับชั่วโมง 7. Spanishfly…
กิจกรรมที่สรรหามาเล่นกับลูกในทุกโอกาส คือ ตัวช่วยสำคัญในการเสริมพัฒนาการให้สมองลูกเรียนรู้ก้าวหน้า กล้ามเนื้อพัฒนา จิตใจอารมณ์ดี มีความสุขได้ดี อย่ารอช้ามาใช้ไอเดียสร้างสรรค์กิจกรรมแม่ลูก ด้วยการ เล่นสนุกกับคำว่า Mother กันดีกว่าค่ะ 1.Mask ทำหน้ากากเล่นกับลูก กระแสหน้ากากนักร้องคงทำให้ลูกอยากมีหน้ากากเป็นของตัวเองบ้างแล้วใช่ไหมคะ ลองถามลูกสิชอบหน้ากากอะไร แล้วชวนกันสร้างขึ้นมาใหม่ เช่น หน้ากากทุเรียน จิงโจ้ เจ้าหญิง หรืออะไรที่แปลกแหวกแนวก็ได้ตามสบายเลยค่ะ เตรียมวัสดุอุปกรณ์ เช่น กระดาษแข็ง กระดาษสี ดินสอ สีเมจิก กรรไกร กากเพชร กาว เชือก แล้วช่วยกันประดิษฐ์ ได้เลย 2.Once upon กาลครั้งหนึ่ง… เพียงเริ่มต้นด้วยคำว่า ‘กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว’ เท่านี้ก็ดึงความสนใจของลูกให้มาอยู่ที่นิทานด้วยจิตใจที่จดจ่อเป็นสมาธิ และรอคอยที่จะฟังเรื่องราวต่อไปอย่างกระตือรือร้น เพราะนิทานมีความสำคัญต่อพฤติกรรมเด็ก ดังนั้นก่อนนอนในคืนวันแม่ อย่าลืมเล่านิทานให้ลูกฟัง เลือกเรื่องที่มีแง่คิดดีๆ สอนใจลูกให้เป็นเด็กดี มีน้ำใจ รู้จักแบ่งปันนะคะ 3.Toy เป็นของเล่นของลูก ของเล่นชิ้นไหนๆ ก็ไม่มีอิทธิพลต่อชีวิตจิตใจลูกเท่ากับตัวของพ่อแม่เอง พ่อแม่เป็นของเล่นชิ้นแรก ของลูก เป็นของเล่นชิ้นสำคัญที่สุด…
การเลิกพฤติกรรมที่ไม่ดี ย่อมมีผลดีต่อชีวิตเรา แต่แม่ๆ อาจไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นไม่ดี คิดว่าไม่น่าจะมีผลเสียอะไร แต่จริงๆ แล้วมีค่ะ โดยเฉพาะ 8 พฤติกรรมแบบนี้ที่ควรเลิกทำเพราะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ มาติดตามกันค่ะ 1. กลั้นจาม ผลของการกลั้นจาม ทำให้ความดันขึ้น การปิดปาก บีบจมูกเพื่อกลั้นจาม ทำให้ความดันในสมองเพิ่มขึ้น การไหลเวียนของเลือดไปยังสมองหยุดชะงัก เนื้อเยื่อในสมองก็ถูกบีบอัด ท้ายสุดก็จะปวดหัว หลอดเลือดเสียหาย มีผลเสียต่อการได้ยิน ใครที่ชอบทำต้องเลิกนะคะ 2. ใช้น้ำหอมมากไป ผลของการใช้น้ำหอมมาก ทำให้คลื่นไส้ เวียนหัว แม้จะเป็นไอเท็มชิ้นโปรด แต่น้ำหอมก็เป็นสารเคมีสังเคราะห์ ถ้าใช้มากก็ทำให้เวียนหัว คลื่นไส้ แล้วยังทำให้ง่วงนอนได้อีก ยิ่งถ้าเป็นภูมิแพ้ ยิ่งส่งผลให้เกิดการระคายเคืองตา ลำคอ ผิวหนัง เปลี่ยนมาใช้น้ำมันหอมระเหยดีกว่าค่ะ 3. ใช้สมาร์ทโฟนก่อนเข้านอน ผลของการ ใช้สมาร์ทโฟนก่อนเข้านอน ทำให้ภูมิคุ้มกันเสื่อม การนอนหลับที่ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมได้ดีต้องไม่มีมือถือ แสงจากจอจะยับยั้งการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินที่ช่วยในการนอนหลับ เมื่อเมลาโทนินต่ำก็จะทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า มะเร็ง โรคอ้วน โรคหัวใจ และระบบภูมิคุ้มกันเสื่อม…
แม่ๆ หัวใจแข็งแรงกันหรือยัง ? รู้ไหม? โรคหัวใจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่าปี พ.ศ. 2558 เป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ย 2 คนต่อชั่วโมง แม่ๆ ลองทบทวนหน่อยสิคะว่าดูแลหัวใจกันดีหรือยัง ถ้ายัง เรามีวิธีแนะนำในการดูแลหัวใจกันค่ะ 1.หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ แม่ๆ ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าการออกกำลังกายนั้นแสนดี เพียงแต่ยังไม่ลงมือทำสักที อย่าเพียงแต่คิดนะคะ ต้องลงมือทำด้วย เพียงการเดิน หรือแอโรบิกในน้ำก็จะช่วยให้หลอดเลือดผ่อนคลายและเกิดการขยายตัวได้มากขึ้น ช่วยทำให้เลือดสามารถไหลเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลให้เข้าไปบำรุงหัวใจได้ดี ซึ่งก็ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารไนตริกออกไซด์ที่จำเป็นต่อการควบคุม การกำหนด และการปกป้องระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้มีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง สมบูรณ์ตามมาในที่สุด 2.กินอาหารให้สมดุล ไม่มากไป ไม่น้อยไป ต้องเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ดีต่อหัวใจ เช่น กินผักสด ผลไม้สด โปรตีนและธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีจนหมดคุณค่าทางอาหาร มองหาพลังงานและสารอาหารดีๆ ที่ร่างกายต้องการ ไม่ว่าจะเป็นปลาแซลมอน ปลาแม็คเคอเรล ปลาทูน่า ถั่วเหลือง เมล็ดฟักทอง วอลนัท เมล็ดแฟลกซ์ หรือธัญพืชต่างๆ ที่ล้วนอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยบำรุงระบบหัวใจและหลอดเลือด พร้อมช่วยรักษาระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์ด้วยนะคะ 3.หาทางผ่อนคลายความเครียดกันบ้าง เช่น…
คุณแม่หลายคนมักมีอาการปวดข้อมือ แล้วก็คิดว่าเป็นเพราะอุ้มลูก แต่จริงๆ แล้วไม่ว่าลูกจะตัวเล็ก ตัวใหญ่ อุ้มมาก อุ้มน้อย หรือ ไม่ได้อุ้มลูก คุณแม่ก็เกิดอาการปวดข้อมือได้เช่นกันค่ะ ข้อมือแม่อักเสบตั้งแต่ยังไม่ได้อุ้มลูก ! เนื่องด้วยช่วงตั้งครรภ์ฮอร์โมนในร่างกายแม่ที่เพิ่มขึ้นทำให้ปลอกหุ้มเส้นเอ็นบวมมากกว่าปกติ เส้นเอ็นจึงเสียดสีกับปลอกหุ้มบ่อยๆ และเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น เวลาจะลุกจากที่นอนก็ต้องใช้ข้อมือยันตัวเองขึ้นมา น้ำหนักก็ลงไปที่ข้อมือมากกว่าปกติ การรักษาเบื้องต้น ให้แช่มือและข้อมือในน้ำอุ่นบ่อยๆ บางคนมีอาการบวมก็แช่ได้ค่ะ หรือจะใช้ถุงน้ำร้อนประคบบ่อยๆ ก็ได้ เป็นการเตรียมข้อมือไว้อุ้มลูกด้วย ช่วงหลังคลอด ลูกร้องแม่ต้องอุ้ม อุ้มให้ลูกดูดนม อุ้มกล่อม บางครั้งอุ้มติดต่อกันเป็นชั่วโมง บางคนอุ้มผิดท่าทาง (เมื่อยก็อดทนเอา) ในเวลาไม่นานจึงทำให้ข้อมืออักเสบได้เช่นกันค่ะ การรักษาข้อมือให้แข็งแรง เพื่ออุ้มลูกได้นานๆ อุ้มลูกดูดนมให้ถูกวิธี เมื่อจะอุ้มลูกขึ้นมา ต้องเกร็งข้อมือไม่ให้งอ คือให้ข้อมือตรงกับแขนและพยายามใช้แรงแขนในการยกตัวลูกขึ้น ใช้ผ้ายืดพยุงข้อมือสวมใส่ไว้ ทายาแก้ปวดบริเวณที่ปวดได้ เมื่อเกิดอาการปวดให้ประคบเย็น เลี่ยงการอุ้มลูกโดยตรง เช่น ใช้วิธีนอนให้ลูกกินนม ใส่เป้อุ้มเด็ก โดยส่วนใหญ่หลังคลอดไปแล้วสัก 2-3 เดือน หรืออย่างช้า 6 เดือนอาการปวดจะน้อยลง หรือหายไป ถ้าปวดรุนแรง…
สิ่งที่ทำให้เป็นปัญหากับชีวิตของทุกคน คือ การเครียดแบบไม่รู้ตัวค่ะ เลยทำให้แก้ปัญหาได้ยากตามไปด้วย ดังนั้นจะขอพาคุณแม่ไปสำรวจตัวเองกันว่าเรามีสัญญาณที่ร่างกายบ่งบอกว่ากำลังเครียดหรือไม่ เพราะการรู้ตัวเร็วก็จะช่วยให้แก้ไขได้เร็วจาก 4 สัญญาณฟ้องเตือนเหล่านี้ 1. ตัวร้อน ตัวสั่น เหงื่อออก หัวใจเต้นแรง หายใจถี่ อาการตัวร้อนจะเกิดขึ้นเมื่อพบเจอกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด โดยอุณหภูมิในร่างกายจะเพิ่มขึ้น จะมีเหงื่อออก ร่างกายสั่นเทา ปากแห้ง กระวนกระวายใจ หัวใจเต้นแรง หายใจถี่ บางท่านอาจถึงขั้นปัสสาวะบ่อย ท้องเสีย แน่นหน้าอก เหล่านี้เป็นเพราะเมื่อเกิดความเครียด ลักษณะทางกายภาพก็เครียดตาม ทำให้แสดงออกถึงอาการดังกล่าวตามไปด้วย 2. ผมร่วง น้ำหนักลด นอนไม่หลับ เป็นผลสืบเนื่องมาจากข้อที่ 1 ที่ร่างกายส่งสัญญาณทางกายภาพว่ากำลังเกิดอาการเครียด แล้วเมื่อแม่ๆ ปล่อยทิ้งไว้ ไม่สนใจจะแก้ไขแบบจริงๆ จังๆ อาการที่เกิดจากความเครียดในข้อที่ 1 ก็จะสะสมไปเรื่อยๆ จนส่งผลต่อร่างกาย มากขึ้น ทำให้เกิดอาการผมร่วง น้ำหนักลด นอนไม่หลับตามมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเพิกเฉยค่ะ ต้องหาทางแก้ไขนะคะ 3. ไม่มีสมาธิ แน่นอนว่าเมื่อเกิดความเครียด แม่ๆ ย่อมไม่มีสมาธิที่จะทำอะไร ความสนใจจดจ่อกับการทำงาน…
สิ่งที่คุณแม่ต้องเผชิญอยู่ทุกวัน ทั้งปัจจัยภายนอก เช่น ฝุ่นควัน มลภาวะ แสงแดด ปัจจัยภายใน เช่น ภาวะความเครียด การกินอาหารที่ไม่สมดุล การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ถือเป็นตัวการที่ทำให้ผิวอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ และมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดปัญหาผิวต่างๆตามมา ทั้งผิวแห้งขาดน้ำ ผิวหมองคล้ำ ผิวหยาบกร้าน ริ้วรอยก่อนวัย ผิวบอกบางระคายเคืองง่าย เป็นสิวง่าย เป็นต้น ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการช่วยเหลือ เพื่อให้มีผิวหน้าใส ด้วย 4 เทคนิคง่ายๆ ดังนี้ค่ะ 1.ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น เพราะความเย็นของน้ำจะช่วยกระชับผิวหน้าได้ดีกว่า ช่วยทำให้เส้นเลือดฝอยหดตัวรูขุมขนกระชับขึ้น ช่วยลดถุงใต้ตาที่เกิดขึ้น เพราะอดนอนหรือนอนไม่พอ แถมยังช่วยลดอาการผดผื่น รวมทั้งช่วยลดการอักเสบของผิวหน้าเมื่อต้องออกไปเผชิญกับความร้อนจากแสงแดดที่แรงจัดได้อีกด้วยค่ะ 2.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้ดี การไหลเวียนของเลือดในช่วงออกกำลังกายจะช่วยพาออกซิเจนและสารอาหารเข้าไปทำงานในเซลล์ต่างๆ ของร่างกายรวมไปถึงผิวหนังด้วยจึงช่วยทำให้ใบหน้ามีความกระชับเต่งตึงขึ้น ผิวกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ 3.ออกไปรับแสงแดดอ่อน ในตอนเช้าๆ เพราะช่วงเวลา 06.00 – 08.00 น. แสงแดดในยามนี้มีวิตามินดี ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างแคลเซียม ซึ่งไม่เป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟันเท่านั้น แต่ยังเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการดูแลผิวหนังได้ด้วย อีกทั้งยังช่วยสร้างเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะต่างๆได้ ดีอย่างนี้เช้าๆไปเดินเล่นรับแสงแดดอ่อนๆ เลยนะคะ 4. รักษาความชุ่มชื้นของผิวให้คงอยู่นานๆ เพราะความชุ่มชื้นของผิวเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้ทุกสภาพผิวมีสุขภาพดี…
ตุ๊กตา ของเล่นอมตะนิรันดร์ของเด็กๆ ไม่ว่าจะกี่ยุค กี่สมัย ตุ๊กตากับเด็กน้อย (โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง) ก็มักจะมีตุ๊กตาคู่ใจเสมอ ทุกครั้งที่เห็นเด็กๆ อุ้มตุ๊กตาแบบทะนุถนอม น่ารักน่าเอ็นดูมากๆ เลย เห็นด้วยไหมคะ ตุ๊กตา ไม่ใช่แค่ของเล่นธรรมดาค่ะ แต่มีประโยชน์เสริมทักษะให้ลูกน้อยซ่อนอยู่เพียบเลยค่ะ 1.ทักษะการเข้าสังคม (Society) ข้อดีอย่างแรกเลยที่ลูกจะได้รับจากการ เล่นกับลูก ด้วยตุ๊กตาก็คือเรื่องของทักษะทางสังคมค่ะ เพราะคุณพ่อคุณแม่จะสังเกตเห็นได้ชัดเลยว่าลูกจะเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับตุ๊กตา ไม่ว่าจะเป็นการชวนคุย ชวนเล่น ป้อนอาหาร หรือแต่งตัวให้ตุ๊กตาค่ะ ทำให้เด็กมีพัฒนาการในการสื่อสารเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่สังคมได้ดีขึ้นค่ะ 2. ทักษะการพูด (Speech) เด็กๆ จะจินตนาการ และพูดคุยกับตุ๊กตาตัวโปรด การพูดบ่อยๆ ซ้ำๆ จะทำให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องของภาษามากขึ้น รวมทั้งยังได้คิดคำศัพท์เฉพาะ หรือชื่อเรียกเฉพาะของตุ๊กตาอีกด้วยค่ะ 3. ทักษะความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) เมื่อเด็กได้เรียนรู้เรื่องของความเห็นใจหรือความเมตตากับคุณพ่อคุณแม่แล้ว เด็กก็จะนำมาแสดงออกกับตุ๊กตาซึ่งเป็นเสมือนเพื่อนที่อยู่ในบ้านของเด็กๆ นั่นเองทำให้ลูกค่อยๆ ซึมซับเรื่องของการให้ การมีเมตตา รวมทั้งแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจค่ะ เช่น การถามตุ๊กตาว่า “กินข้าวหรือยัง” “วันนี้สบายดีมั้ย” “หนาวมั้ย” “ร้อนมั้ย” เป็นต้น 4. ทักษะจินตนาการไอเดียความคิดสร้างสรรค์…
Moulin Roty ตุ๊กตาออร์แกนิค ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติที่ปลอดภัย 100% ตุ๊กตาที่คุณพ่อคุณแม่จะปลื้ม ลูกน้อยชอบ เพราะผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติคุณพ่อคุณแม่วางใจ ปลอดภัยมากต่อลูกน้อยแล้ว ยังมีข้อดีดังนี้ค่ะ 1. เป็นตุ๊กตาที่ออร์แกนิค ขึ้นชื่อว่า ออร์แกนิค แน่นอนว่าปลอดภัยค่ะ ยิ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กน้อยแล้ว ยิ่งจำเป็นสุดๆ ว่าต้องปลอดภัยแบบที่คุณพ่อคุณแม่วางใจได้ค่ะ 2. ตุ๊กตา มีรูปแบบหลากหลาย ถูกใจเด็กๆ Moulin Roty ตุ๊กตาออร์แกนิค แต่ละชิ้นถูกออกแบบมาอย่างตั้งใจ ด้วยรูปทรงต่างๆ เช่น รูปทรงการ์ตูนสัตว์เลี้ยงแสนน่ารัก ลวดลาย สีสัน ที่สะดุดตา สบายตา น่ารักมาก 3. Moulin Roty จากฝรั่งเศส มีความนุ่มมาก นุ่มมากๆๆๆ นุ่มทุกสัมผัส น่ารัก น่ากอด สุดๆค่ะ ตุ๊กตา Moulin Roty ไม่ใช่แค่ตุ๊กตา แต่เป็นของเล่นสุดน่ารัก ที่จะเสริมพัฒนาการลูกน้อยที่รักของคุณ ผ่านการกอด การสัมผัส และ การจินตนาการพูดคุยของหนูน้อยที่มีต่อตุ๊กตาค่ะ ที่สำคัญยังช่วยลูกน้อยผ่อนคลาย…