Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

เด็ก 3 ขวบขึ้นไป

หนังสือนิทาน ควรเริ่มอ่านตั้งแต่ตอนไหน

การอ่านหนังสือนิทานให้ลูกน้อยฟัง เป็นวิธีใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวที่อบอุ่นและช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กได้อย่างดีเยี่ยม เป็นการพาลูกน้อยท่องโลกกว้างผ่านตัวอักษร อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นในการปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน ซึ่งการอ่านจะช่วยให้เขาเข้าใจโลกและผู้คนได้ง่ายขึ้น ประโยชน์ของการอ่านนิทานให้ลูกฟัง การอ่านนิทานมีประโยชน์ในการช่วยพัฒนาสายสัมพันธ์อันใกล้ชิด ถ้าคุณพ่อคุณแม่โอบกอดเขาไว้บนตักขณะอ่านไปด้วย ลูกจะรับรู้ได้ถึงความรักความเอาใจใส่ ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของพัฒนาการทางด้านอารมณ์และการเข้าสังคม แม้จะอยู่ในวัยที่เด็กยังไม่สามารถโต้ตอบได้ แต่ถ้อยคำต่างๆ ที่ได้ยิน ล้วนมีส่วนช่วยพัฒนาทักษะการใช้ภาษาให้ดียิ่งขึ้นในภายหลัง และทักษะด้านภาษาที่ดีก็เป็นพื้นฐานสำคัญที่ส่งเสริมให้เด็กๆ เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเริ่มอ่านนิทานให้ลูกฟังตอนไหนดี ช่วงเวลาตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิในครรภ์จนถึงอายุ 8 ปี เป็นช่วงเวลาที่สมองมนุษย์เติบโตและพัฒนารวดเร็วที่สุด ดังนั้น เราจึงเริ่มอ่านนิทานให้ลูกน้อยฟังได้ตั้งแต่ที่เขายังอยู่ในท้อง นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ถือกำเนิด ลูกน้อยก็รักการฟังเสียงของคุณพ่อคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องเพลง เสียงพูดคุย หรือเสียงเล่านิทาน ซึ่งมีงานวิจัยระบุว่ายิ่งอ่านนิทานให้ลูกน้อยฟังเร็วเท่าไร ก็ยิ่งส่งผลดีต่อพัฒนาการของเด็กๆ เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น เด็กแรกเกิดอาจยังไม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่พูด แต่จังหวะและโทนเสียงที่แตกต่าง ก็มีส่วนในการช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านการฟังซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ควรอ่านนิทานให้ลูกฟังอย่างไร ช่วงที่ทารกยังอยู่ในครรภ์ คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกอ่านหนังสือหรือคอนเทนต์ตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่สนใจได้ตามชอบ หากคุณพ่อคุณแม่เพลิดเพลินกับสิ่งที่อ่าน ลูกน้อยก็มีแนวโน้มที่จะสนุกไปด้วยเช่นกัน ต่อมาเมื่อลูกน้อยโตขึ้น เริ่มมีพัฒนาการด้านการมองเห็น เขาจะสนใจหนังสือภาพที่มีสีสันสดใสลายเส้นคมชัด ซึ่งบางทีอาจหยิบจับหรือเอาเข้าปาก จึงควรเลือกหนังสือที่แข็งแรงไม่ฉีกขาดง่าย เวลาเลือกซื้อหนังสือนิทาน ควรเลือกเล่มที่มีฟังก์ชันสนุกๆ ซ่อนอยู่ เช่น สามารถเปิดประตูหรือหน้าต่างเพื่อดูภาพที่ซ่อนอยู่ในนั้น และหากมีเพลงประกอบด้วยก็จะยิ่งดี เพราะเพลงเป็นสิ่งที่จดจำง่ายและทำให้เด็กๆ สนุกมากขึ้น  เคล็ดลับเกี่ยวกับการอ่านนิทานให้ลูกน้อยฟัง ข้อแรกคือ การฟังซ้ำๆ จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางภาษาที่ดี ดังนั้น จึงควรเลือกนิทานที่มีคำซ้ำเยอะๆ หรืออ่านนิทานเรื่องโปรดให้เขาฟังบ่อยๆ โดยเปลี่ยนโทนเสียงไปตามอารมณ์ของเนื้อหา อาจจะลองดัดเสียงตามคาแรกเตอร์ตัวละครด้วย เพื่อดึงดูดความสนใจของเด็ก ข้อที่สอง ตั้งคำถามกับลูกน้อย แม้ลูกยังเด็กเกินกว่าจะโต้ตอบกับเราได้ แต่เราก็สามารถกระตุ้นพัฒนาการของเขาด้วยคำถามง่ายๆ เพราะการโต้ตอบมีส่วนช่วยให้เด็กจดจำและเข้าใจความหมายคำศัพท์ได้ดียิ่งขึ้น เช่น ในภาพนี้มีลูกบอลอยู่สองสี ลูกชอบสีไหนมากกว่ากัน เป็นต้น เปิดนิทานในไอแพดให้ลูกฟังดีไหม ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำว่า ไม่ควรให้เด็กดูทีวีหรือใช้เวลากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนอายุสองขวบ เพราะสื่อเหล่านี้มักมีฟังก์ชันที่อื่นๆ ที่ทำให้สมาธิของเด็กเบี่ยงเบนออกจากเนื้อเรื่อง ยิ่งหากปล่อยให้ลูกดูหรืออ่านนิทานตามลำพังบ่อยๆ เด็กก็มีแนวโน้มที่จะสนใจไอแพดมากกว่าคุณพ่อคุณแม่ ถ้าจะให้ลูกดูไอแพดควรจำกัดเวลาครั้งละไม่เกิน 10-15 นาที และควรนั่งดูกับเขาเพื่อพูดคุยระหว่างที่ดูไปด้วย เช่น ทำเสียงตลกซ้ำๆ เลียนแบบคลิป  เต้นตามท่าทางตัวละคร เป็นต้น สอนสะกดคำในระหว่างอ่านนิทานดีไหม การอ่านนิทานให้ลูกน้อยฟังครั้งแรกๆ ควรทำให้เขารู้สึกสนุกกับเรื่องราวอย่างเต็มที่ และมีความสุขที่ได้แบ่งปันช่วงเวลาดีๆ ร่วมกับคุณพ่อคุณแม่…

Read more

ลูกหกล้ม ปล่อยหรือปลอบ

เมื่อเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ขึ้นกับลูกวัยกำลังซน เช่น หกล้ม เดินชนโต๊ะ ฯลฯ คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่มักแสดงปฏิกิริยาตกอกตกใจออกมาโดยอัตโนมัติ ตามสัญชาตญาณความห่วงใยที่มีต่อลูก ขณะเดียวกันเด็กๆ ก็มักจะมองหาคุณพ่อคุณแม่ทันทีที่รู้สึกเจ็บ กลัว หรือตกใจ ด้วยเหตุนี้ท่าทีที่ผู้ปกครองแสดงออก จึงเป็นสิ่งสำคัญที่กำหนดว่าเด็กน้อยจะตอบสนองต่อสถานการณ์นั้นอย่างไร  หากคุณพ่อคุณแม่โวยวายเสียงดัง เด็กจะรู้สึกว่าการหกล้มเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งนั่นอาจทำให้เขายิ่งร้องไห้จ้าเสียงดังลั่น ดังนั้น อันดับแรกผู้ปกครองจึงไม่ควรโวยวาย แม้จะรู้สึกใจหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มก็ต้องสงบสติอารมณ์ไว้ เพื่อแสดงออกให้ลูกรับรู้ว่าการหกล้มเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิต เมื่อล้มแล้วก็สามารถลุกขึ้นใหม่ได้  นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ ยังไม่ควรซ้ำเติมลูกด้วยการตำหนิว่าไม่ระมัดระวังหรือซุกซนเกินเหตุ เพราะเขาอาจสูญเสียความมั่นใจและรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง ถ้าเด็กๆ ล้มโดยไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนัก คุณพ่อคุณแม่ควรยืนมองอยู่ห่างๆ และคอยให้กำลังใจ เมื่อเขาสามารถลุกขึ้นเองได้ ก็เอ่ยปากชมสักหน่อยว่า “เก่งมากๆ เลยนะลูก ที่ล้มแล้วลุกขึ้นเองได้”  แต่ถ้าลูกร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บ ก็ไม่ควรไปโกหกว่า “ไม่เจ็บหรอก ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” เพราะเด็กจะรู้สึกว่าเขาถูกปฏิเสธตัวตนและไม่ได้รับการยอมรับความรู้สึก อาจทำให้เขายิ่งร้องไห้และไม่กล้าบอกความรู้สึกที่แท้จริงกับคุณพ่อคุณแม่ในครั้งต่อๆ ไปที่เกิดปัญหา สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำคือการโอบกอดและปลอบโยนโดยไม่โอ๋มากเกินไป ไม่ต้องบอกเขาว่าจะตีพื้นหรือโต๊ะที่ทำให้หนูเจ็บ หรือกล่าวโทษพี่เลี้ยงที่ดูแลไม่ดี เพราะยิ่งจะเป็นการปลูกฝังนิสัยโทษคนอื่นเมื่อเกิดความผิดพลาด แค่ถามลูกว่าเขาโอเคไหม อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าคุณพ่อคุณแม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดของหนู และไม่นานความเจ็บนี้ก็จะหายไป เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ยิ่งถ้าไม่ได้บาดเจ็บรุนแรง ร้องไห้ไม่กี่นาทีเดี๋ยวเด็กๆ ก็กลับไปวิ่งปร๋อได้แล้ว สิ่งสำคัญในการประคับคองลูกน้อยยามหกล้ม คือการสอนให้เขาตระหนักว่าถ้าล้มแล้วจะเจ็บ ครั้งต่อไปต้องระมัดระวังมากขึ้น รวมถึงสร้างความมั่นใจให้ลูกรู้สึกว่าเขาเก่งพอที่จะลุกขึ้นใหม่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าในอนาคตจะต้องหกล้มอีกกี่ครั้ง หรือต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ก็ตาม

Read more

สอนลูกยุค 4G ให้รวยกว่าพ่อแม่

คุณพ่อคุณแม่ที่มองว่า เรื่องของการปลูกฝังการใช้เงินในเด็กเป็นเรื่องไกลตัว ไว้โตค่อยสอนก็ได้ จะบอกว่าความคิดนี้ควรจะล้มเลิกโดยด่วน เพราะการสอนให้ลูกใช้เงินเป็น ตั้งแต่อายุยังน้อยนั้น ถือเป็นรากฐานการฝึกลูกให้ใช้เงินเป็นได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเมื่อเค้าเติบใหญ่ขึ้น เค้าก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ ที่ใช้เงินยังชาญฉลาด จนรวยแซงหน้าพ่อแม่ไปโดยปริยาย 1. สอนลูกให้ใช้เงินเป็น สอนให้ลูกหัดเก็บเงินที่เหลือจากค่าขนมในแต่ละวัน และไม่ตามลูกเด็ดขาด ในกรณีที่ลูกอยากได้ของที่ไม่จำเป็น ก็ต้องสอนให้เค้ารู้จักเก็บเงิน ถ้าอยากได้ ให้พยายามเก็บเงินให้ถึงเป้า แล้วพ่อกับแม่จะพามาซื้อ เพราะถึงตอนนั้น ลูกอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ ว่าเคยอยากจะซื้อมัน 2. ลูกต้องแยกแยะให้เป็นระหว่าง “ความจำเป็น” กับ “ความอยากได้” อย่ามองว่าเด็กไม่รู้เรื่องนะ เพราะเมื่อเค้าถึงวัยที่แสดงความอยากได้อยากมีเป็นแล้วล่ะก็ พ่อแม่ต้องฝึกให้ลูกมีตรรกะแยกให้ออก ว่าของที่ลูกจะซื้อนั้น ลูกจำเป็นต้องมีมันหรือไม่ ถ้ำเป็น พ่อเม่จะให้ซื้อ แล้วนิสัยแบบนี้จะติดตัวพวกเค้าไปจนโต 3. บอกแนวทางเก็บเงินให้มีผลงอกเงย เค้าทำกันยังไง เนื่องจากสมัยนี้ เก็บเงินในบัญชีธนาคาร ได้ดอกเบี้ยมากินเป็นผลตอบแทน ปีนึงยังไม่ถึง 500 บาทเลย เราก็จะต้องพร่ำสอนลูกให้ฝึกลงทุนกับการเล่นหุ้นหรือซื้อกองทุนประกันต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องศึกษามาเป็นอย่างดีแล้วนะ ว่าลงทุนกับอะไร ถึงจะได้ผลเป็นกอบเป็นกำกลับมา จะได้มาเป็นไกด์นำทางให้ลูกได้…

Read more

สอนวินัย ทำได้..แค่แยกสองคำนี้ให้ออก

มีพ่อแม่บ้านไหนที่ทะเลาะกับลูกแทบทุกวันบ้าง คิดว่าคงมีหลายบ้านเลยที่ต้องพบเจอกับสภาวะแบบนี้ ลูกไม่ยอมไม่อาบน้า ลูกไม่ยอมไปทานข้าว เรียกแล้วเรียกอีกก็ทาเป็นไม่ได้ยิน สุดท้ายเรื่องราวมักจบลงที่คุณพ่อคุณแม่โมโหและต้องบังคับใช้มาตรการต่างๆ ทั้งข่มขู่ ทั้งตัดสิทธิ์ หรือบางบ้านอาจจะถึงกับลงไม้ลงมือตีกันไปเบาเบา แม้สุดท้ายลูกจะยอมทาตามที่พ่อแม่สั่งหรือบังคับ แต่เราก็ต้องสูญเสียบรรยากาศดีดีในบ้านไป  สอนวินัย ให้เด็ก ถือเป็นสิ่งพื้นฐานที่พ่อแม่ทุกคนจะต้องสอนลูกแต่เล็กๆเลยค่ะ เคยได้ยินไหมคะคำว่า ‘ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แข็งดัดยาก’ เพราะจะทำให้วินัยเหล่านี้ติดตัวลูกๆไปยันโตจนแก่ได้เลยค่ะ แต่ปัญหาคือพ่อแม่ส่วนใหญ่มักมีอารมณ์ในสิ่งที่ลูกทำ ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ชอบใจ วันนี้เราจะให้คุณพ่อคุณแม่มาเช็คกันค่ะว่าที่ทำอยู่เรียกว่าสอนวินัย หรือแค่อยากจะเอาชนะลูกกันแน่ สอนวินัย คือ การควบคุมพฤติกรรมของคน โดยการใช้กฎ ระเบียบ หรือการสั่งสอน อบรม เอาชนะ คือ การทำอะไรก็ได้ค่ะที่ต้องได้ดั่งใจเรา โดยไม่คำนึงว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร สอวินัยให้เด็ก หรือ อยากเอาชนะ  กันแน่ ? .เราจะมายกตัวอย่างง่ายๆกันค่ะ ให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้ตัวว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นถูกต้องจริงๆ “คุณพ่อไม่ชอบให้ลูกเล่นเกมส์ เพราะกลัวจะเสียการเรียน พอเห็นลูกเล่นเกมส์ คุณพ่อก็โกรธ โมโห ยึดโทรศัพท์ ยึดคอม” จริงๆแล้ว คุณพ่อมีความหวังดีค่ะ กลัวลูกจะติดเกมส์จนเสียการเรียนไม่ได้อ่านหนังสือ แต่มันเป็นการเอาชนะมากกว่าสอนวินัยค่ะ เพราะพอคุณพ่อเห็นลูกเล่นเกมส์ก็เริ่มมีอารมณ์เหมือนลูกขัดใจในสิ่งที่พ่อไม่ชอบให้ทำจนยึดโทรศัพท์ ยึดคอม มันเป็นวิธีที่ผิดอย่างมากค่ะ เพราะยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เราอาจจะมาปรับเป็นการกำหนดเวลาเล่นเกมส์ค่ะว่าหากเล่นได้ก็ต้องอ่านหนังสือตั้งใจเรียนได้ด้วยเหมือนกัน ตามอารมณ์ตัวเองทันหรือยัง .. ? ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก กอ.ไก่ล้านตัวเลยค่ะ หากเราจะตามอารมณ์ตัวเองให้ทันเราควรที่จะ .. ฝึกเข้าใจอารมณ์ของตัวเองให้มากขึ้น ฝึกการจัดการอารมณ์ของตัวเองเมื่อเกิด…

Read more

8 วิธีแก้นิสัยลูกก้าวร้าว

ความก้าวร้าวของลูกไม่ใช่ปัญหาเล็กค่ะ เพราะพฤติกรรมดังกล่าวจะทำให้เด็กไม่เป็นที่ต้อนรับในสังคมค่ะ ผลเสียก็จะกลับมาสู่ตัวลูกเอง ไม่มีเพื่อนคนไหนอยากเล่นด้วย ผู้ใหญ่ก็จะไม่เอ็นดูเขาคุณพ่อคุณแม่ช่วยลูกสลายความก้าวร้าวได้ค่ะ มีคำแนะนำดี ๆ มาฝาก 8 ข้อ 1.เลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้ลูกก้าวร้าว ถ้าเริ่มทะเลาะกับพี่กับน้องให้เบี่ยงเบนความสนใจ หรือแยกลูกออกมาก่อน 2.อย่าใช้การดุว่าแรง ๆ หรือการตีลงโทษเขา ใช้วิธีแยกตัวให้เขาสงบอารมณ์คนเดียวก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน 3..เวลาสงบใจดีแล้ว พูดคุยถามความรู้สึกลูก บอกเขาว่าคุณแม่เข้าใจ แต่ลูกต้องแสดงอารมณ์อย่างเหมาะสมด้วย 4.เลี่ยงการรับสื่อที่ก้าวร้าว ทั้งทาง วิทยุ เกม คลิป ฯลฯ 5.คุณพ่อคุณแม่เป็นต้นแบบที่ดีไม่ก้าวร้าว ไม่ใช้อารมณ์ ความอบอุ่นอ่อนโยนช่วยสยบความก้าวร้าว 6.อย่างเลี้ยงลูกแบบเผด็จการหรือตามใจมากเกินไป 7.ชมหรือให้รางวัลเวลาเขาม่ความพยายามลดความก้าวร้าวเอาแต่ใจลง 8.ให้ลูกเล่นซนออกกำลังกายเต็มที่ จะช่วยลดพลังความก้าวร้าวลงไปได้ ถ้าพฤติกรรมของลูกน่าจะเข้าข่ายไม่ธรรมดาคงต้องปรึกษาคุณหมอ อาจพบปัญหาอื่นซ่อนอยู่ เช่น โรคสมาธิสั้น ไฮเปอร์แอคทีฟ หรือโรคทางสมองบางอย่างค่ะ จะได้แก้ไขถูกจุดค่ะ

Read more

เรื่องต้องรู้..ปฐมพยาบาลเด็กจมน้ำ

สถิติเด็กไทยเสียชีวิตกว่าปีละ 1,400 คนต่อปี การปฐมพยาบาลที่ถูกวิธีจะช่วยเหลือเด็กจมน้ำได้ เพราะเด็กจมน้ำจะขาดอากาศหายใจและหมดสติ น้ำที่สำลักเข้าไปในปอดจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่วินาที อย่าทำ ! อย่าพยายามที่จะเอาน้ำออก เช่น การอุ้มพาดบ่าเพื่อกระทุ้งเอาน้ำออก หรือวางคว่ำบนกระทะใบบัวแล้วรีดน้ำออก ไม่มีความจำเป็นและอาจก่อให้เกิดผลเสียได้ เพราะน้ำที่ไหลออกมาจากการกระทุ้งหรือรีดท้องนั้นเป็นน้ำจากกระเพาะอาหาร ไม่ใช่น้ำจากปอด หลักการปฐมพยาบาลเด็กจมน้ำที่สำคัญที่สุด คือการช่วยให้เด็กหายใจได้ให้เร็วที่สุด การปฐมพยาบาลเด็กจมน้ำที่รู้สึกตัว หากเด็กรู้สึกตัวหายใจได้เอง การปฐมพยาบาลคือการเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าแห้งให้แก่เด็ก และนำส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบอาการแม้เด็กจะหายใจได้ดีในระยะแรก แต่อาจมีอาการหายใจลำบากได้ในภายหลัง สาเหตุจากถุงลมในปอดถูกทำลายจากการสำลักน้ำ การปฐมพยาบาลเด็กจมน้ำที่ไม่หายใจ และ/หรือ หัวใจไม่เต้น 1.ขอความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่ใกล้ และรีบโทรขอความช่วยเหลือหน่วยฉุกเฉินที่ 1669 2.เปิดทางเดินหายใจ โดยให้เด็กนอนราบกดหน้าผากลงและเชยคางขึ้นเบา ๆ 3.ตรวจการหายใจในเวลา 3-5 วินาที โดย มองหน้าอกหรือท้องว่ามีการเคลื่อนไหวหรือไม่ ฟังดูว่ามีเสียงหายใจหรือไม่ สัมผัส โดยแนบใบหน้าไปใกล้จมูกและปากของเด็กเพื่อสัมผัสลมหายใจ 4.ช่วยการหายใจ เมื่อพบว่าเด็กไม่หายใจ ให้ประกบปากของผู้ช่วยเหลือครอบจมูกและปากเด็กและเป่าลมหายใจออก 2 ครั้งโดยให้แต่ละครั้งยาว 1 - 2 วินาทีและสังเกตว่าหน้าอกของเด็กขยายตามการเป่าลมหรือไม่ในกรณีอายุน้อยกว่า 1 ปี…

Read more

5 วิธีใช้เวลากับลูกอย่างมีความสุข

ตั้งแต่มีลูกคุณแม่แทบไม่มีเวลาของตัวเอง รักลูกน่ะรักแต่คณแม่หลายคนอดรู้สึกไม่ได้ว่าความสุขส่วนตัวลดน้อยลงไป วิธีหนึ่งที่ช่วยคุณแม่ได้คือการปรับมุมมอง ความจริงเราสามารถทำให้ช่วงเวลาอยู่กับลูกเป็นเวลาแห่งความสุขของแม่ได้ค่ะเล่นอะไรดีนะ 1.เล่นเกมกับลูก เกมกระดาน (board game) เช่น ไพ่ UNO เกมเศรษฐี หมากฮอส หมากรุก โกะ โดมิโน่ สแครบเบิล หรือชวนลูกออกไอเดียคิดเกมใหม่ ๆ ขึ้นมาเล่นกันในครอบครัว 2.ออกกำลังด้วยกัน อาจจะเล่นในบ้าน เช่น ไล่จับ กระโดดตามช่องหรือตั้งเต หรืออาจเล่นกีฬา เช่น ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ เล่นบอล ปิงปอง แบตมินตัน จ๊อกกิ้ง สเก็ตช์บอร์ด ปีนหน้าผาจำลอง ฯลฯ 3.สนุกกับงานบ้าน เด็กเล็กจะมีช่วงเวลานึงสนใจงานบ้าน อย่ารีบห้ามค่ะ ให้ลูกมีส่วนร่วมเท่าที่เขาจะทำได้ ฝึกให้ลูกสนุกกับงานบ้าน เขาอาจชอบถูบ้าน ล้างรถ รดน้ำต้นไม้ ฯลฯ สร้างบรรยากาศสนุกสนานระหว่างทำงานบ้านด้วยกัน 4.ชวนเล่านิทาน ถ้าชอบจินตนาการ ลองชวนลูกเล่านิทาน ผลัดกันเล่า อาจเป็นการเล่าต่อประโยคกันหรือเล่ากันคนละ…

Read more

ระวังภัยแสงสีฟ้าจากหน้าจอ

แสงสีฟ้าจากแท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ ส่งผลต่อต่อสุขภาพสายตาของเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลควบคุมการใช้อุปกรณ์เหล่านี้ค่ะ แสงสีฟ้าคืออะไร แสงที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวัน แบ่งออกได้ทั้งหมดเป็น 7 สี คือสีแดง ม่วง ส้ม เหลือง น้ำเงิน คราม และเขียว แสงสีฟ้าจะเป็นสีที่ให้ความสว่างมากที่สุด อันตรายของแสงสีฟ้า แสงสีฟ้าทำให้ดวงตาเป็นอันตรายมากที่สุด สามารถทะลุทะลวงถึงจอประสาทตา มีพลังทำลายกระจกตาหรือจอประสาทตาได้มากกว่าแสงสีอื่น ความสว่างมากทำให้ดวงตาล้าได้ง่าย ส่วนการหรี่แสงลงมาก ๆ ทำให้ต้องเพ่งมองหนักขึ้น การใช้อุปกรณ์ให้แสงสีฟ้าในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น ใช้ในที่มืด ปิดไฟ ก็เป็นอันตรายต่อดวงตา การจดจ่ออยู่หน้าจอนานเกิน 2-3 ชั่วโมงเป็นประจำ ทำให้ระคายเคืองเยื่อบุตาและกระจกตา และมีอาการปวดตา แสบตา ตาแห้ง ตามัว ปวดศีรษะ และมีปัญหาสายตา ดูแลลูกอย่างไรให้ปลอดภัยจากแสงสีฟ้า คุณพ่อคุณแม่ควรควบคุมการอยู่หน้าจอต่าง ๆ ของลูก ติดฟิล์มถนอมสายตาตัดแสงสีฟ้าในมือถือหรือแท็บเล็ต…

Read more

แกงจืดกะเพรารับลมหนาวต้านหวัดเพื่อคุณลูก

ใบกะเพรานอกจากทำเป็นเมนูฮิตประจำชาติผัดกะเพราแล้ว ปรุงเป็นแกงจืดก็รสชาติอร่อยรับประทานง่าย ปลายฝนต้นหนาวอย่างนี้เด็ก ๆ มักจะเป็นหวัดง่ายคุณแม่ลองทำแกงจืดผัดกะเพราให้ลูกรับประทานกันค่ะ นอกจากคุณสมบัติเด็ดในการต้านหวัดแล้ว กะเพรายังช่วยบรรเทาอาการไอ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ คลายเครียด แก้อักเสบ เนื่องจากใบกะเพรานั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระค่ะ เครื่องปรุง ใบกะเพรา แคร์รอต หมูสับ กระเทียม พริกไทย รากผักชี น้ำปลา ซีอิ๊วขาว น้ำตาล วิธีทำ ตั้งน้ำซุปกระดูกหมูในหม้อให้เดือด ใส่กระเทียมพริกไทยรากผักชีโขลกลงไปพอหอม ๆ ตามด้วยหมูสับปั้นก้อน พอหมูสุกดีแล้วใส่แคร์รอตเพื่อให้ดูน่ารับประทาน เหยาะน้ำปลาปรุงรสอย่าให้รสเค็มจัด ใส่น้ำตาลเล็กน้อยเพื่อปรุงรสให้กลมกล่อมโดยไม่ต้องใช้ผงชูรส ใส่ใบกะเพราพอสุกปิดไฟยกลงจากเตา

Read more

4 เรื่องต้องระวัง ช่วงหน้าฝน

หน้าฝนแวะเวียนมาทีไร คุณแม่มักจะเป็นกังวลกับสุขภาพของลูกน้อยเป็นพิเศษ มีเรื่องใดต้องระวังบ้างมาดูกันเลยค่ะ 1.หวัด เด็กเล็กมีโอกาสเป็นหวัดง่าย ไอ มีน้ำมูก หายใจครืดคราดอยู่บ่อย ๆ การให้ลูกดื่มน้ำหรือนมมากขึ้นช่วยได้ ถ้าไม่ได้มีน้ำมูกมากควรหลีกเลี่ยงการกินยาค่ะ วิธีลดน้ำมูก แม้ว่าภายในรูจมูกของลูกเป็นส่วนที่บอบบาง ไม่ควรมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปสัมผัส แต่หากมีความจำเป็นควรดูแลอย่างถูกวิธี เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน อาจใช้ก้านสำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดภายในรูจมูก แต่อย่าเข้าไปลึกเพราะอาจเป็นอันตรายได้ เด็กที่โตหน่อย ใช้ลูกยางดูดน้ำมูก โดยทำความสะอาดลูกยางด้วยน้ำและสบู่ บีบน้ำออกให้หมด เวลาใช้บีบกระเปาะยางให้แบนแล้วสอดเข้าไปในรูจมูกแล้วค่อย ๆ คลายมือที่บีบออกเบา ๆ เพื่อดูดน้ำมูก ใช้เสร็จแล้วควรทำความสะอาดและผึ่งลมให้แห้ง 2.ผดผื่นตอแย เชื้อโรคมักเติบโตได้ดีในอากาศอับชื้นนำมาสู่ปัญหาผดผื่นได้ ดูแลและป้องกัน ดูแลของใช้ลูก อย่างผ้าอ้อม เสื้อผ้า หรือผ้าห่มไม่ให้อับชื้น ก่อนเก็บผ้าให้จับดูว่าส่วนไหนยังชื้นอยู่ควรตากแดดให้แห้งหรือรีดให้หายชื้น ถ้าใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปต้องหมั่นเปลี่ยนเสมอ เพราะมีโอกาสทำให้เกิดผดผื่นได้มากกว่าผ้าอ้อมผ้า ถ้าลูกคันทาคาลามายน์เพื่อช่วยบรรเทา อย่าให้เกาเด็ดขาด ถ้ามีทีท่าว่าจะลามไม่หยุด ควรไปพบคุณหมอ 3. แมลง กัด ต่อย …

Read more