Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

Author page: motherandcare

ปล่อยลูกเล่นทรายให้สบายใจ…ง่ายนิดเดียว

ความสุขของเด็กคือการได้ปลดปล่อยจินตนาการและเล่นสนุก การเล่นช่วยเปิดโอกาสในการเรียนรู้ ทำให้เด็กมีพัฒนาการเหมาะสมตามวัย นอกจากนี้ กิจกรรมการเล่นหลายๆ อย่างยังเป็นการออกกำลังกายไปในตัวอีกด้วย เช่น การเล่นทรายที่แม้จะเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปบ้าง แต่เด็กๆ ก็ได้ใช้ชีวิตกลางแจ้งและสนุกสนานไปกับจินตนาการไร้ขีดจำกัด ทั้งยังได้บริหารกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ อย่างครบครัน หากบ้านไหนมีพื้นที่เหลือ การทำบ่อทรายให้ลูกเล่นจึงเป็นไอเดียที่น่าสนใจมากทีเดียว แต่ก่อนที่จะปล่อยให้ลูกเล่นทรายอย่างอิสระ คุณพ่อคุณแม่ต้องระมัดระวังส่วนผสมในทรายที่เป็นพิษอย่าง Microcrystalline Silica ด้วย หากเป็นฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆ ที่อยู่ในทราย ต้องอาบน้ำล้างตัวให้สะอาดหลังเล่นก็เพียงพอแล้วสำหรับการกำจัดเชื้อโรค แต่ถ้าเป็นสารซิลิกาซึ่งมีอนุภาคขนาดเล็ก มันอาจเข้าไปสะสมในปอดและก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ ฉะนั้น เพื่อความปลอดภัยเราจึงต้องเลือกทรายจากแหล่งผลิตที่มีคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันก็มีร้านขายทรายนำเข้าจากต่างประเทศชนิดผ่านการอบฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูงมาแล้ว หรืออาจมองหาวัสดุทดแทนอื่นๆ เช่น เมล็ดธัญพืช เมล็ดข้าว หินกรวดขนาดเล็ก เมล็ดข้าวโพดบด แป้งสาลีผสมน้ำมันให้มีลักษณะคล้ายทราย สิ่งเหล่านี้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สะอาดและปลอดภัยนอกจากนี้ ยังควรคำนึงถึงสถานที่ในการวางกระบะทรายให้เหมาะสมด้วย โดยควรเป็นที่ๆ มีหลังคามิดชิดป้องกันการเปียกน้ำฝน เพราะความชื้นอาจก่อให้เกิดเชื้อราตามมาได้ และหลังเล่นเสร็จทุกครั้งควรหาผ้าใบมาคลุมกระบะไว้ เพื่อป้องกันสัตว์ต่างๆ มาอุจจาระใส่ สิ่งสำคัญคืออย่าลืมสร้างวินัยให้กับลูก ด้วยการสอนให้เขารู้ว่า หลังเล่นทรายเสร็จทุกครั้งต้องอาบน้ำให้สะอาดทันที แต่ในระหว่างที่เขาเล่น คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรจับผิดหรือบ่นเรื่องความสกปรกเลอะเทอะมากจนเกินไป เพราะนั่นคือช่วงเวลาแห่งอิสระที่เขากำลังใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ข้อควรระวังอีกอย่างหนึ่งคือ เด็กบางคนอาจหยิบทรายเข้าปาก  โดยเฉพาะเด็กในช่วงอายุ 1-2 ขวบ ที่ชอบสำรวจสิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยการชิม คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรปล่อยให้ลูกเล่นตามลำพัง เมื่อเห็นเขาทำท่าจะหยิบทรายเข้าปาก ควรสอนให้รู้ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่อาหาร และอย่างที่เราทราบกันดีว่า ของเล่นสีสันสดใสสามารถดึงดูดใจและช่วยกระตุ้นพัฒนาการของเด็กได้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรหาของเล่นอื่นๆ เช่น รถตัก พลั่วเล็กๆ ถังเล็กๆ เป็นต้น สำหรับให้ลูกเล่นกับทรายด้วย ประสบการณ์การเล่นที่สนุก จะทำให้เด็กๆ เพลิดเพลินและอยากเรียนรู้สิ่งใหม่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และโดยธรรมชาติของเด็ก เขามักชอบเล่นแบบเลอะเทอะซุกซน เพื่อปลดปล่อยพลังในตัวที่มีอย่างเหลือล้น ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ของพวกเขาได้ ด้วยการพาลูกออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้งบ่อยๆ อย่าปล่อยให้เขาอยู่แต่ในห้องแอร์นานเกินไป

Read more

เล่นรูบิคมีประโยชน์ต่อลูกน้อยอย่างไร

รูบิคถูกประดิษฐ์ขึ้นในปี 1974 โดย Erno Rubik ศาสตราจารย์และสถาปนิกชาวฮังการี วัตถุประสงค์แรกคือการสร้างอุปกรณ์ที่ช่วยให้เด็กวัยเรียนเข้าใจโครงสร้างของวัตถุที่มีมิติต่าง ๆ โดยไม่คาดคิดว่าเจ้าลูกบาศก์มหัศจรรย์จะกลายเป็นของเล่นลับสมองที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย จนถึงขั้นมีการจัดการแข่งขันระดับโลก รูบิคหนึ่งลูกสามารถจัดเรียงสลับสีกันไปมาได้มากถึง 43 ล้านล้านล้านรูปแบบ (Quintillion) เกมนี้จึงมีความซับซ้อนและต้องใช้หลากหลายทักษะประกอบกัน จึงมีประโยชน์สำหรับเด็กๆ  หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่เองด้วย1. ช่วยพัฒนาความสามารถในการจดจำ ในการไขปริศนาเพื่อหมุนสลับให้รูบิคทั้ง 6 ด้านเรียงสีอย่างถูกต้อง เด็กๆ จะต้องจดจำการเคลื่อนไหวของสี่เหลี่ยมสีสันสดใสแต่ละชิ้น ซึ่งในระหว่างนั้นสมองจะเปิดใช้งานระบบหน่วยความจำและความสามารถในการจัดเก็บข้อมูล2. ฝึกทักษะการวิเคราะห์ เด็กๆ จะต้องใช้ทักษะการวิเคราะห์ในระหว่างที่ค้นหาวิธีแก้ปัญหา อย่างที่บอกไปข้างต้นว่ารูบิคสามารถเรียงสลับกันได้ประมาณ 43 ล้านล้านล้านรูปแบบ จึงเป็นเกมที่ช่วยพัฒนาการเรียนรู้เกี่ยวกับพื้นที่ ในแง่ความเหมือนและความแตกต่างระหว่างส่วนต่าง ๆ ของวัตถุ3. ฝึกสมาธิและความอดทน เซียนระดับโลกสามารถแก้ปริศนาของรูบิคได้ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่สำหรับมือใหม่นับว่าเป็นเกมที่ค่อนข้างยากและต้องใช้เวลามาก การมีสมาธิจดจ่ออยู่กับเกมเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักสำคัญในการเคลียร์รูบิคให้สำเร็จ เด็กที่เล่นรูบิคเป็นประจำจึงได้ฝึกสมาธิและความอดทนไปในตัว 4. ความคิดสร้างสรรค์  รูบิคเป็นเกมที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้เล่นหาทางออก ซึ่งเราสามารถใช้วิธีการเล่นที่หลากหลายเพื่อเอาชนะปริศนาตรงหน้า หากวิธีแรกไม่สำเร็จก็ต้องทดลองหาวิธีใหม่ไปเรื่อยๆ ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆ จึงพัฒนาขึ้นในระหว่างพยายามสร้างวิธีที่แตกต่างเพื่อแก้ปัญหาให้สำเร็จเกมรูบิคมีประโยชน์มากมายเทียบเท่ากับการเล่นหมากรุก แต่มีขนาดเล็กและพกพาได้สะดวกกว่า สามารถนำติดตัวไปเล่นได้ทุกที่ มันจึงเป็นของเล่นที่ขายดีที่สุดในโลก ซึ่งปัจจุบันมีการออกแบบรูบิครูปแบบใหม่ๆ ที่เหมาะแก่การฝึกพัฒนาการสำหรับเด็ก เช่น รูบิคทรงปิรามิด ทรงกลม ทรงปริซึม รวมถึงมีรูบิคที่ลดทอนขนาดให้เหลือด้านละสี่ช่อง เพื่อให้เด็กเล็กเอาชนะเกมได้ง่ายขึ้น โดยคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถร่วมเล่นสนุกไปกับลูกๆ ได้    

Read more

ของเล่นตามช่วงวัย สำหรับเด็กอายุ 1-3 ขวบ

การเล่นคือช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดของเด็กทุกคน การเลือกของเล่นให้เหมาะสมกับลูกน้อยแต่ละช่วงวัยจึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจไม่แพ้เรื่องอื่น ซึ่งนอกจากจะคำนึงถึงเรื่องการส่งเสริมพัฒนาการแล้ว ยังต้องพิจารณาเรื่องความปลอดภัยเป็นปัจจัยหลักด้วย โดยของเล่นเด็กควรผลิตจากวัสดุเกรดดี ปลอดสารพิษ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ทำความสะอาดง่าย หากมีกลไกไฟฟ้าต้องมั่นใจว่าผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน และมีความเหมาะสมกับเด็กแต่ละคน เช่น ถ้าเด็กเป็นโรคภูมิแพ้ก็ควรหลีกเลี่ยงตุ๊กตาผ้าที่สะสมฝุ่น หรือถ้าเป็นเด็กวัยกำลังชอบส่งของเข้าปาก ก็ควรหลีกเลี่ยงของเล่นที่มีส่วนประกอบชิ้นเล็กๆ ซึ่งอาจหลุดลงไปในลำคอได้ ของเล่นสำหรับเด็กอายุ 1 ขวบ เด็กส่วนใหญ่จะเริ่มหัดเดินช่วงอายุ 12-15 เดือน และเริ่มขีดเขียนเป็นเส้นบนกระดาษได้แล้ว อีกทั้งยังสามารถทำตามคำสั่งง่ายๆ และตอบชื่อสิ่งของใกล้ตัวได้ถูกต้อง ของเล่นที่เหมาะกับเด็กวัยนี้จึงควรเป็นของเล่นที่ช่วยเสริมทักษะด้านการเข้าใจบทบาทสมมติต่างๆ รวมถึงของเล่นที่ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กและสติปัญญา ตัวอย่างเช่น หนังสือบอร์ดที่ทำจากกระดาษอัดแข็ง แข็งแรงทนทาน เลือกเล่มที่มีภาพประกอบสีสันสดใสหรือภาพถ่ายวัตถุจริง เพื่อให้ลูกน้อยได้เรียนรู้เรื่องสิ่งของต่างๆ รอบตัว สมุดระบายสี แนะนำให้ใช้คู่กับสีเทียนแท่งใหญ่ จะมีสีสันดึงดูดความสนใจและปลอดภัยกว่าสีไม้ที่มีปลายแหลม ของเล่นที่จำลองบทบาทสมมติ เช่น โทรศัพท์ปลอม ตุ๊กตาเด็กพร้อมอุปกรณ์แต่งตัว หุ่นเชิด ยานพาหนะจำลอง  ของเล่นที่ช่วยฝึกกล้ามเนื้อมัดใหญ่และมัดเล็ก เช่น เพ็กบอร์ดขนาดใหญ่ ลูกบอลขนาดใหญ่และเล็ก บล็อกไม้ ของเล่นที่ฝึกการใช้มือหยิบจับในอิริยาบถต่างๆ ของเล่นสำหรับเด็กอายุ 2 ขวบ เด็กวัยนี้สามารถควบคุมกล้ามเนื้อมือได้ดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นวัยที่กำลังเรียนรู้ทักษะด้านภาษาอย่างรวดเร็ว ชอบเล่นบทบาทสมมติ เช่น ทำอาหาร รักษาคนป่วย รวมถึงชอบทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายด้วยการปีนป่าย กระโดดจากที่สูง เกลือกกลิ้ง ห้อยโหน เรียกว่าเป็นวัยที่กำลังซุกซนเอาเรื่องทีเดียว จึงต้องระวังเรื่องอุบัติเหตุมากเป็นพิเศษ…

Read more

5 วิธีง่ายๆ ทำให้ลูกน้อยหัวเราะ

เสียงหัวเราะคือความมหัศจรรย์ของลูกน้อยที่ทำให้คนรอบตัวพลอยอารมณ์ดีไปด้วย เวลาเห็นเขายิ้มแย้มและส่งเสียงอย่างมีความสุข คุณพ่อคุณแม่จะชื่นใจจนหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย  เพราะความร่าเริงแจ่มใสเหล่านั้นคือการแสดงออกถึงพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี ถ้าอยากให้ลูกน้อยหัวเราะบ่อยๆ ลองทำตามวิธีเหล่านี้ดู1. เล่นจ๊ะเอ๋ วิธีคลาสสิกที่สุดที่ทุกบ้านต้องเคยใช้เล่นกับเจ้าตัวน้อยคือการเอามือปิดหน้าแล้วเปิดออกพร้อมกับส่งเสียง “จ๊ะเอ๋” เด็กส่วนใหญ่ตอบสนองกับการเล่นนี้ได้ดีมากทั้งเด็กเล็กและเด็กโต ถ้าเป็นเด็กวัยประมาณ 1 ขวบที่เริ่มเดินได้แล้ว เขาจะยิ่งสนุกกับการเข้าไปแอบซ่อนในผ้าม่านหรือผ้าห่ม แล้วโผล่หน้าออกมาให้คุณพ่อคุณแม่ประหลาดใจ2. แปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาด บางครั้งคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเป็นทุกอย่างให้กับลูก ไม่เว้นแม้กระทั่งสัตว์ประหลาด เด็กๆ จะชอบมากที่ได้เห็นผู้ใหญ่ทำหน้าตาท่าทางตลกๆ และส่งเสียงประหลาดดึงดูดความสนใจ วิธีนี้ไม่ใช่แค่ลูกน้อยเท่านั้นที่จะหัวเราะอารมณ์ดี บางทีเราทำเองก็ยังอดขำตัวเองไม่ได้ 3. จั๊กจี้เบาๆ การจั๊กจี้เบาๆ ไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายเป็นวิธีหนึ่งที่กระตุ้นให้เด็กหัวเราะอย่างได้ผล หรือจะใช้การกระตุ้นสัมผัสรูปแบบอื่นๆ เช่น เป่าลมให้เกิดเสียงตรงพุงเล็กๆ ของเจ้าตัวน้อย ถูจมูกของคุณเข้ากับจมูกของเขาเบาๆ แบบนี้ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด4. พาลูกเล่นหัดบิน หากลูกน้อยของคุณคอแข็งพอที่จะตั้งได้แล้ว ลองจับเขามานั่งบนหัวเข่าและขยับขาขึ้นลงช้าๆ อย่างระมัดระวัง พร้อมกับส่งเสียงเชียร์ให้เจ้าตัวเล็กรู้สึกเหมือนกำลังหัดบิน รับรองว่าเขาจะหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างแน่นอน 5. ใช้เสียงเป็นตัวช่วย ของเล่นที่มีเสียงกรุ๊งกริ๊งหรือยางบีบต่างๆ ดึงดูดความสนใจจากเด็กได้มากเป็นพิเศษ หรือจะนำของใกล้ตัวมาประยุกต์ใช้เล่นกับลูกก็ประหยัดและได้ผลดีไม่แพ้กัน เช่น เสียงฉีกกระดาษ เสียงขยำถุงพลาสติก เด็กบางคนอาจตอบสนองกับเสียงเหล่านี้มากกว่าเสียงจากของเล่นเสียอีกเสียงหัวเราะเป็นยาวิเศษและเป็นสิ่งที่ส่งต่อกันได้ หากคนใกล้ชิดที่เลี้ยงดูเขาอารมณ์ดี เด็กทารกจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้นและอารมณ์ดีตามไปด้วย นอกจากนี้ เด็กเล็กๆ ยังมักมีความสามารถในการสื่อสารกันเองหรือสื่อสารกับสัตว์เลี้ยงในแบบที่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ คาดไม่ถึง บางทีปล่อยให้พวกเขาเล่นกันเพลินๆ…

Read more

ทำอย่างไรให้ลูกไม่เลือกกิน

อาหารการกินของลูกน้อยเป็นเรื่องใหญ่ที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะโภชนาการที่ดีคือจุดเริ่มต้นของสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งจะนำไปสู่การมีพัฒนาการต่างๆ เหมาะสมตามวัยทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสมอง โดยปัจจุบันองค์การอนามัยโลกแนะนำว่าทารกควรกินนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรก หลังจากนั้นจึงค่อยเสริมอาหารอื่นๆ ตอนที่ระบบย่อยของเขาพัฒนาจนมีความพร้อมแล้ว หากป้อนอาหารเสริมเร็วเกินไป อาจทำให้เด็กมีโอกาสแพ้อาหารได้ง่าย โดยช่วงที่เริ่มให้นมแม่ควบคู่ไปกับอาหารเสริม เป็นช่วงเวลาสำคัญในการปลูกฝังให้ลูกน้อยเป็นเด็กกินง่าย หากปลูกฝังกันมาตั้งแต่ต้น หลังจากนั้นอุปสรรคในการป้อนข้าวลูกก็จะน้อยลงหลีกเลี่ยงอาหารรสหวานในช่วงเริ่มต้น ช่วงเดือนแรกที่เริ่มป้อนอาหารเสริม ควรสอนให้เขารู้จักรสชาติของผักก่อน โดยเลือกผักเนื้อเนียนนุ่ม กลิ่นไม่ฉุน เมนูที่กุมารแพทย์แนะนำคือข้าวกล้องหุงรวมกับถั่วและค่อยๆ เพิ่มผักเข้าไปทีละอย่าง ปั่นให้ละเอียด ปรุงรสด้วยเกลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อเสริมไอโอดีน เริ่มป้อนจากปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ และค่อยๆ เพิ่มทีละน้อย หากเขาไม่อยากกินก็อย่าเพิ่งบังคับฝืนใจ แต่ให้ทดลองใหม่ในวันถัดไป หลังจากป้อนเมนูผักครบเดือนแล้ว จึงค่อยเสริมผลไม้ในเดือนถัดไป ฝึกให้ลูกตักอาหารเข้าปากเอง แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือความเลอะเทอะ แต่การฝึกให้กินอาหารด้วยตัวเอง จะทำให้ลูกน้อยสนุกและสนใจการกินมากยิ่งขึ้น เมื่อทำได้และได้รับคำชื่นชมจากคุณพ่อคุณแม่ เขาก็จะเกิดความภูมิใจและไม่ต่อต้านการกินอาหาร ชวนลูกเข้าครัว  เด็กจะเริ่มกินยากมากขึ้นในช่วงอายุ 1-3 ขวบ เพราะเป็นช่วงที่เขาเปลี่ยนจากอาหารบดมาเป็นอาหารที่ต้องเคี้ยวเอง และเข้าสู่วัยที่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น แต่ข้อดีคือเด็กวัยนี้กำลังสนใจเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว และทำอะไรหลายๆ อย่างได้ด้วยตัวเอง การชวนเข้าครัวไปทำความรู้จักกับวัตถุดิบ ให้ช่วยเตรียมของในขั้นตอนง่ายๆ และให้เขาออกความเห็นเกี่ยวกับเมนูอาหารบ้าง จะช่วยกระตุ้นให้ลูกน้อยเกิดความรู้สึกอยากกินมากยิ่งขึ้นเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก เด็กมักมีพฤติกรรมเลียนแบบคนใกล้ตัว คุณพ่อคุณแม่จึงต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูก และควรให้เขานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกับผู้ใหญ่ในครอบครัวเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดี ซึ่งเด็กอายุ 1 ขวบขึ้นไปสามารถกินอาหารได้ใกล้เคียงกับผู้ใหญ่แล้ว…

Read more

ท้องกี่เดือน ห้ามขึ้นเครื่อง

คุณแม่มือใหม่หลายคนที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไกลบ่อยๆ อาจมีความกังวลว่า คนท้องสามารถขึ้นเครื่องบินได้หรือไม่? แล้วจะปลอดภัยหรือเปล่า?

Read more

พัฒนาสมองลูกทันยุค 5G เคล็ดลับอยู่ตรงนี้ !

คุณแม่ทุกคนต้องการให้ลูกน้อยแข็งแรงเติบโตสมวัย แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในใจแม่ๆ เท่ากับเรื่องสุขภาพทางร่างกายนั่นก็คือ ต้องการให้ลูกเป็นเด็กเฉลียวฉลาด อยากทราบเคล็ดลับดีๆ เพื่อช่วยให้สมองของลูกได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพเพื่อให้เขาก้าวทันโลก ทันความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอนาคตเมื่อเขาโตขึ้นใช่ไหมคะแล้วทราบหรือไม่ว่าเคล็ดลับในการพัฒนาสมองนั้น อยู่ในอาหารที่ลูกได้รับในแต่ละวันนั่นเอง  แม่ ๆ ตามมาไขความลับอันน่าทึ่งของสารอาหารที่ช่วยในการพัฒนาสมองลูกพร้อมกันเลยค่ะลูกสมองไวต้องได้ ‘สฟิงโกไมอีลิน’ (Sphingomyelin)ลูกควรได้รับโภชนาการที่ดีตั้งแต่แรกเกิด และในบรรดาสารอาหารมีประโยชน์ต่อร่างกายทารกทั้งหลาย ขอแนะนำให้แม่ๆ ได้ทำความรู้จักกับ ‘สฟิงโกไมอีลิน’ สารอาหารเพื่อการดูแลสมองลูกน้อยนพ.วรสิทธิ์ ศิริพรพาณิชย์ กุมารแพทย์ โรคระบบประสาท กล่าวถึงคุณสมบัติโดดเด่นของ สารสฟิงโกไมอีลินว่า“เป็นสารอาหารชนิดหนึ่งในกลุ่มไขมันที่พบมากในนมแม่ นม และผลิตภัณฑ์จากนม ทำหน้าที่ช่วยสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมอง การเชื่อมโยงการทำงานของเซลล์ประสาทในสมองแต่ละส่วน (Brain Connection) อันเป็นกลไกที่สำคัญที่สุดในการทำงานของสมอง ต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สมองจึงจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ”เพิ่มความเร็วส่งสัญญาณสมองได้จริงหรือ ?คำตอบก็คือได้ค่ะ แต่ต้องอาศัยการสร้างปลอกไมอีลิน (Myelin) ซึ่งปลอกไมอีลินนี้มีการสร้างตั้งแต่อยู่ในครรภ์และสร้างอย่างต่อเนื่องอย่างรวดเร็วภายใน 2 ปีแรกหลังคลอด แล้วยังสร้างต่อไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ลูกจึงควรได้รับสารอาหารสฟิงโกไมอีลินอย่างพอเพียงเบื้องหลังการทำงานของสมองช่างซับซ้อนขอยกตัวอย่างง่ายๆ เพื่อให้เห็นภาพการทำงานของสมองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการคลาน การเดิน…

Read more

S-26

ไขความลับ พัฒนาสมองลูกรักด้วย “สฟิงโกไมอีลิน”

นพ.วรสิทธิ์ ศิริพรพาณิชย์กุมารแพทย์ โรคระบบประสาท“สฟิงโกไมอีลิน” สารอาหารที่พบมากในนมแม่  นม ผลิตภัณฑ์นม ช่วยในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมอง  การเชื่อมโยงการทำงานของเซลล์ประสาทในสมองแต่ละส่วน  (brain connection) ซึ่งคือกลไกที่สำคัญที่สุดในการทำงานของสมอง ซึ่งต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การทำงานของสมองจึงจะมีประสิทธิภาพ หรือเปรียบเสมือนกับการใช้อินเทอร์เน็ต 5G การเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณของสมองต้องอาศัยการสร้างปลอกไมอีลิน เริ่มสร้างตั้งแต่อยู่ในครรภ์และสร้างอย่างต่อเนื่องอย่างรวดเร็วภายใน 2 ปีแรกหลังคลอด และถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น  “สฟิงโกไมอีลิน” สารอาหารที่พบมากในนมแม่  นม ผลิตภัณฑ์นม ช่วยในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมอง  การเชื่อมโยงการทำงานของเซลล์ประสาทในสมองแต่ละส่วน  (brain connection) ซึ่งคือกลไกที่สำคัญที่สุดในการทำงานของสมอง ซึ่งต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การทำงานของสมองจึงจะมีประสิทธิภาพ หรือเปรียบเสมือนกับการใช้อินเทอร์เน็ต 5G การเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณของสมองต้องอาศัยการสร้างปลอกไมอีลิน เริ่มสร้างตั้งแต่อยู่ในครรภ์และสร้างอย่างต่อเนื่องอย่างรวดเร็วภายใน 2 ปีแรกหลังคลอด และถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น      คุณพ่อคุณแม่รู้มั้ยว่า…..ความสามารถของลูกรักของคุณนั้นไม่ว่าจะเป็นการรับรู้ การควบคุมการเคลื่อนไหว หรือการคิดวิเคราะห์และการวางแผนเมื่อเติบโตขึ้นไปนั้นล้วนเกิดขึ้นจากการทำงานของสมอง แต่สมองเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งไม่สามารถที่จะสร้างสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ได้โดยลำพัง แต่ต้องอาศัย การเชื่อมโยงการทำงานของเซลล์ประสาทในสมองแต่ละส่วน (brain connection) ซึ่งคือกลไกที่สำคัญที่สุดในการทำงานของสมอง ซึ่งต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การทำงานของสมองจึงจะมีประสิทธิภาพ หรือเปรียบเสมือนกับการใช้อินเทอร์เน็ต 5G…

Read more

เช็คลิสต์ง่ายๆ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อนมโคแท้

เด็กวัย 1-3 ขวบ เป็นช่วงวัยที่สมอง ร่างกาย จิตใจ กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว เด็ก ๆ จึงมักชอบทำกิจกรรมหลากหลาย มีความอยากรู้อยากเห็น อยากทดลอง สนใจที่จะสำรวจสิ่งรอบตัว ร่างกายจึงต้องการพลังงาน และสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการในด้านต่างๆ ทั้งด้านร่างกาย สังคม อารมณ์ และสติปัญญานมโคแท้ 100% คุณภาพสูงเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมจากคุณแม่เพราะได้รับการยอมรับโดยทั่วไปว่ามีสารอาหารธรรมชาติที่เป็นประโยชน์แก่ลูกน้อย ซึ่งตรงกับความต้องการของคุณแม่ที่ปรารถนาให้ลูกน้อยได้มีพัฒนาการที่ดีสมวัย สามารถทำกิจกรรมและเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วเต็มที่ ในขณะเดียวกันก็เติบโตแข็งแรงอย่างเป็นธรรมชาติวิธีการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์นมโคแท้นั้น สังเกตได้ง่ายๆ จากส่วนประกอบข้างกล่อง ซึ่งมักระบุชัดเจนว่ามีน้ำนมโคสดแท้กี่เปอร์เซ็นต์ และในแต่ละกล่องประกอบด้วยสารอาหารชนิดใดบ้าง ซึ่งแม้จะเป็นนมโคสดแท้เหมือนกัน แต่ส่วนประกอบของสารอาหารแต่ละยี่ห้อนั้นแตกต่างกันไป โดยนมโคแท้ 100% ส่วนใหญ่จะมีสารอาหารพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ ได้แก่ โปรตีน จำเป็นต่อการเจริญเติบโต และช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และให้กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการสร้างโปรตีนชนิดต่างๆในร่างกาย วิตามินบี 5 ช่วยในการใช้ประโยชน์ (เมตาบอลิซึม) ของไขมันและคาร์โบไฮเดรต ช่วยในการใช้ประโยชน์ของไขมันและคาร์โบไฮเดรต ช่วยในการเมตาบอลิซึมของไขมันและคาร์โบไฮเดรตสำหรับสารอาหารหลัก 5 ชนิดอันมีประโยชน์ต่อพัฒนาการของเด็กวัย 1-3 ขวบในด้านต่างๆ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจเลือกซื้อนมโคแท้…

Read more