เตรียมอาหารให้ลูกเองก็ต้องสะอาดปลอดภัย เรามีวิธีล้างผักและผลไม้เพื่อลดสารเคมีมาฝากแม่ ๆ ค่ะ วิธีที่ 1 แช่ผักไว้ในน้ำนาน 15 นาที จากนั้นยกผักขึ้นจากกะละมังแล้วนำไปรองใต้ก๊อก เปิดน้ำก๊อกให้ไหลผ่าน คลี่ใบผักให้โดนน้ำทั่วถึง ใช้มือถูผักผลไม้ และใช้เวลาล้างนานประมาณ 2 นาที วิธีที่ 2 แช่ในน้ำผสมน้ำส้มสายชู 5% ในอัตราส่วน น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร แช่ทิ้งไว้นานประมาณ 15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง วิธีที่ 3 ใช้เบกกิ้งโซดา ครึ่งช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 10 ลิตร แช่ผักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที นาทีจากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด การล้างผักทั้ง 3 วิธีนี้สามารถช่วยคุณแม่ลดสารเคมีตกค้างและยังช่วยล้างดิน และล้างเชื้อโรคที่ปนเปื้อนอยู่ออกไปจากผักได้ค่ะ ข้อมูลอ้างอิง กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
คุณพ่อคุณแม่เคยนึกมั้ยคะว่า จะเตรียมอะไรมอบเป็นของขวัญให้ลูกแรกเกิดและยังสร้างความประทับใจให้กับเขาไปจนถึงตอนโต ขอแนะนำ Horokid หนังสือคำทำนายที่คุณพ่อคุณแม่สร้างเพื่อลูกโดยเฉพาะ เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำให้กับเด็ก ๆ ค่ะ เนื้อหาในหนังสือเกี่ยวกับอะไรนะ ?ภายในหนังสือจะบอกเล่าถึงลักษณะนิสัยของเด็กตามช่วงเวลาเกิดของเด็กแต่ละคน บอกปีนักษัตร ราศีเกิด โดยคุณพ่อคุณแม่เป็นคนสร้างเนื้อหาจากการใส่ข้อมูล วัน เดือน ปีเกิด กรุ๊ปเลือด ของลูก แล้วคุณพ่อคุณแม่ยังเขียนคำอวยพรจากใจสู่ลูกได้ด้วยนะคะ ถ้าอยากสร้างให้ลูกรักซักเล่มนึงต้องทำยังไงบ้าง ?ง่ายมาก ๆ ค่ะ เข้าไปในเว็บไซต์ Horokid เข้าไปกรอกข้อมูล ใส่ชื่อลูก วันเดือนปีเกิดของลูก พิมพ์คำอวยพรหรือข้อความซึ้ง ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่อยากจะบอกลูก ไม่เกิน 10 วันก็จะได้รับหนังสือส่งมาทางไปรษณีย์ค่ะ เท่านี้คุณพ่อคุณแม่ก็จะได้ของขวัญชิ้นพิเศษสุดที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลกมอบให้ลูกรักแล้วค่ะ
ถึงแม้ว่าความผิดพลาดจะไม่ใช่เรื่องน่ายินดี แต่ก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง คุณหมอมินบานเย็นแนะนำคุณพ่อคุณแม่ปล่อยลูกให้มีโอกาสเรียนรู้จากความผิดพลาดบ้างเพื่อการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นใจในตนเอง ตามมาอ่านบทความของคุณหมอกันค่ะ ในชีวิตของคนเรานั้นสิ่งที่ปรารถนาก็คือความสำเร็จ แต่กว่าจะเดินทางไปถึงความสำเร็จอย่างที่ใจหวัง ไม่ว่าเป็นใครก็ตามย่อมก็เคยพบกับความผิดพลาด สิ่งที่แตกต่างกันของแต่ละคนก็คือ ความสามารถที่จะจัดการกับความผิดพลาดนั้นๆ ได้หรือไม่ ซึ่งตรงนี้ต้องอาศัยการฝึกฝน ความรับผิดชอบ การเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก สุดท้ายคือ ไม่ท้อแท้แม้จะผิดพลาด แต่สามารถยืนหยัดที่จะก้าวต่อไป มีคุณพ่อคุณแม่หลายคนที่ทนไม่ได้กับความผิดพลาดของลูกและมักจะอดไม่ได้ที่จะพยายามแก้ไขความผิดพลาดด้วยการเข้าไปจัดการเสียเอง ก่อนที่จะเกิดความผิดพลาดขึ้น ทั้งที่ในความเป็นจริง ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ก็มีประโยชน์ เพราะจะทำให้คนที่ผิดได้เรียนรู้ รับผิดชอบ และไม่ทำอีกคราวหน้า ผู้ใหญ่จึงควรให้เด็กได้เรียนรู้ในผลของการกระทำ คุณแม่ท่านหนึ่งที่หมอคุยด้วย ไม่สามารถจัดการกับพฤติกรรมของลูกสาว ลูกสาวคุณแม่ไม่ชอบทำการบ้าน บ่นว่ายาก ทำแล้วก็ผิด ทำไม่ได้ ไม่อยากจะทำ และเมื่อทุกครั้งที่ลูกไม่ยอมทำการบ้าน แม่ก็จะแก้ปัญหาด้วยการทำให้แทน ครูก็ไม่รู้ หรือจะรู้ก็ไม่ทราบ และลูกก็มีงานไปส่งทันทุกวัน เพราะลูกรู้ว่าแม้ว่าจะไม่ทำ สุดท้ายแม่ก็จะทำให้ คุณพ่ออีกท่านหนึ่ง บ่นให้หมอฟังว่า ลูกชอบทำห้องนอนสกปรก เสื้อผ้าใช้แล้วก็กองทิ้งไว้ เมื่อถามว่า แล้วเมื่อเขาไม่ยอมทำความสะอาดห้อง ไม่เอาเสื้อไปลงตะกร้า คุณพ่อทำยังไง คุณพ่อก็บอกว่า ก็ทำแทนให้ทุกๆ ครั้ง หมอเข้าใจว่า คุณพ่อคุณแม่คงจะทนไม่ได้ที่จะเห็นลูกไม่มีการบ้านไปส่งครู…
ผิวเบบี๋ทั้งอ่อนบางและมีโอกาสแพ้ง่าย คุณแม่จึงต้องทะนุถนอมผิวของลูกน้อยในวัยนี้เป็นพิเศษโดยเฉพาะเบบี๋ในช่วงแรกเกิดปัญหาผิวที่มักกวนใจเป็นประจำก็คือผื่นผ้าอ้อมค่ะ เเมื่อมีผื่นผ้าอ้อมลูกน้อยอาจร้องโยเยเนื่องจากไม่สบายเนื้อสบายตัวสร้างความกังวลใจให้คุณแม่ปัญหานี้แก้ไข้ได้ไม่ยากค่ะเรามาทำความรู้จักกับสาเหตุกันก่อนสักนิด สาเหตุที่พบได้บ่อย 1.เกิดจากความเปียกชื้น ทั้งจากความชื้นเกิดจากการใส่ผ้าอ้อมในขณะที่ตัวยังไม่แห้งสนิท 2.การแช่อยู่ในผ้าอ้อมที่เปียกฉี่หรืออึนานเกินไป 3.การติดเชื้อแบคทีเรียหรือยีสต์อาจทำให้เกิดผื่นผ้าอ้อมได้ ทารกที่รับประทานยาปฏิชีวนะมักจะไวต่อการเกิดผื่นผ้าอ้อมจากเชื้อยีสต์ แนะนำ 5 วิธีปกป้องผิวอันบอบบางของลูกจากผื่นผ้าอ้อม 1.หมั่นดูผ้าอ้อมลูกบ่อย ๆ ดูว่าเปียกชื้น ลูกอึฉี่หรือยัง อย่าปล่อยให้นอนแช่ผ้าอ้อมเปื้อนอยู่นาน ๆ ให้รีบเปลี่ยน 2.ล้างทำความสะอาดผิวลูกบริเวณที่อยู่ในผ้าอ้อมไม่จำเป็นต้องใช้สบู่ทุกครั้งอาจใช้น้ำเปล่าบ้าง หรือใช้สบู่เด็กที่อ่อนโยนต่อผิวเด็ก ปราศจากน้ำหอมหรือสารเคมีที่ก่อให้เกิดความระคายเคือง อาจเลือกผลิตภัณฑ์ประเภทออแกนิกเพื่อความปลอดภัยต่อลูกกน้อย 3.ใช้ผ้าสะอาดนุ่ม ๆ เช็ดผิวลูกอย่างอ่อนโยน เลี่ยงการใช้ทิชชู่เปียกที่ผสมน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันการระคายเคือง 4.ปล่อยให้บริเวณผ้าอ้อมแห้งสนิทก่อนใส่ผ้าอ้อม 5.ทาปิโตรเลียมเจลลี่ หรือครีมป้องกันผื่นผ้าอ้อมก่อนให้ลูกใส่ผ้าอ้อม หากผื่นยังไม่หายไปภายใน 2-3 วัน หรือเป็นผื่นแดงมากขึ้นควรพาไปพบคุณหมอเพราะอาจติดเชื้อแบคทีเรียหรือยีสต์ค่ะ
ทุกวันนี้แดดแรงทุกฤดู หรือในช่วงวันฟ้าครึ้มแดดไม่แรงจัดก็ตามแต่รังสียูวีก็ยังสามารถทำร้ายผิวได้ แม่ ๆ มักจะทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านเพื่อปกป้องผิวสวย แต่ทราบไหมคะว่าเด็ก ๆ ก็ต้องการการปกป้องผิวเช่นกัน เพราะหากไม่ปกป้องผิวลูกจากอันตรายของรังสียูวี ผิวของลูกอาจมีโอกาสถูกทำร้าย โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับแสงแดดแรงกล้ายามเที่ยงวันมีโอกาสที่ผิวจะแสบแดงและร้อนได้ 6 เดือนขึ้นไป Dr. Lawrence Gibson แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเมือง Rochester รัฐ Minnesota ประเทศสหรัฐฯ เขียนบทความหนึ่งลงเว็บไซต์ Mayoclinic.org ว่า เด็กวัยตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปจึงจะสามารถใช้ครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิว คุณแม่จำเป็นต้องอ่านฉลากบนครีมกันแดดด้วยค่ะ เนื่องจากบางแบรนด์อาจมีคำแนะนำในการใช้ว่าเหมาะกับเด็กในวัยต่างกันไป เช่น 6 เดือน หรือ 12 เดือน เป็นต้น วิธีเลือกครีมกันแดดให้ลูกน้อย การเลือกครีมกันแดด (Sunscreen) สำหรับลูกน้อยวัย 6 เดือนขึ้นไป จำเป็นต้องมีความละเอียดอ่อนสักนิด เนื่องจากผิวเด็กยังอ่อนบางกว่าผู้ใหญ่ แนะนำวิธีเลือกดังนี้ค่ะ 1.มี SPF อย่างน้อยตั้งแต่ 30 ขึ้นไป 2.ปราศจากน้ำหอม สี แอลกอฮอล์ และสารเคมีต่าง ๆ 3.ผ่านการทดสอบค่า SPF…
มีของเล่นใหม่ ๆ มาอัพเดทค่ะ คราวนี้เป็นของเล่นทรายอันแสนมหัศจรรย์ที่คุณลูกต้องชอบ เด็ก ๆ สามารถสนุกกับการเล่นทรายมหัศจรรย์ Motion Sand กันได้ตามจินตนาการ ทรายมหัศจรรย์จาก USA นี้มีความพิเศษตรงไม่แห้งแล้วก็ไม่คืนรูปค่ะ เนื้อทรายยึดเกาะเป็นรูปร่างได้ดี ไม่เลอะมือหรือเสื้อผ้า ไม่ทำให้พื้นเป็นมันแบบดินน้ำมัน ส่วนจะฟุ้งกระจายแบบทรายมั้ย ขอตอบว่าไม่ค่ะ เพราะเค้ามองเห็นปัญหาการเล่นทรายอย่างหนึ่งก็คือมีโอกาสฟุ้งกระจายเข้าจมูกหรือเข้าตาเด็ก ถ้าเล่นทรายจริง ๆ คุณแม่ยังต้องมาเก็บกวาดผงทรายหลังลูกเล่นเสร็จ คุณลูกสามารถเล่น Motion Sand ในบ้าน สีทรายสวย ๆ ที่ลูกปั้นก็ไม่ติดมือ ปลอดกลิ่น ปลอดสารพิษ และไม่ต้องกังวลว่าจะมีแบคทีเรียสะสมในทราย ชุดทรายนี้มีให้เลือกหลายชุดพร้อมบล็อกพิมพ์ตามความชอบของเด็ก ๆ ชุดไดโนเสาร์ ชุดสัตว์ทะเล ชุดซาฟารี ชุดทำขนมเค้ก ฯลฯ นอกจากเด็กๆ จะได้สนุกเพลิดเพลินกับจินตนาการแล้ว การเล่นทรายยังเป็นการกระตุ้นประสาทสัมผัสการรับรู้ผิวสัมผัสที่แตกต่าง อีกทั้งยังได้ฝึกฝนกล้ามเนื้อมือให้มีพัฒนาการที่ดีด้วยค่ะ
ในหลายประเทศทั่วโลกมีกฎหมายบังคับใช้คาร์ซีทเพื่อดูแลความปลอดภัยของเด็กหากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์สำหรับประเทศสิงคโปร์กฎหมายกำหนดว่าเด็กที่มีความสูงน้อยกว่า 135 ซ.ม.แล้วไม่นั่งคาร์ซีทขณะเดินทางบนท้องถนนถือว่าผู้ใหญ่ที่ดูแลฝ่าฝืนต่อข้อบังคับของกฎหมาย มีความผิดค่พ คาร์ซีทในรถโรงเรียนนานาชาติ ที่น่าทึ่งก็คือนอกจากในรถยนต์แล้ว รถรับส่งของโรงเรียนในประเทศสิงคโปร์ก็มีการใช้คาร์ซีทด้วย ถ้าไม่ได้เห็นภาพเราอาจจะนึกไม่ออกว่าคาร์ซีทแต่ละที่นั่งมีขนาดใหญ่ จะนำไปติดตั้งในรถโรงเรียนให้ครบตามจำนวนเด็กได้อย่างไร
ราคาของคาร์ซีทใช่ว่าจะถูก โรงเรียนจะยอมทุ่มทุนเชียวหรือ
แต่ว่าโรงเรียนนานาชาติ Stamford American International School ทำได้ แล้วเขาทำได้อย่างไร ? คาร์ซีทพกพาคือคำตอบ ถ้าใช้คาร์ซีททั่วไปติดตั้งในรถโรงเรียนคงเป็นไปไม่ได้แน่ โรงเรียนนานาชาติแห่งนี้จึงเลือกใช้คาร์ซีทพกพาที่เล็กที่สุดในโลกของ Mifold ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าคาร์ซีททั่วไป 10 เท่า เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับเด็กนักเรียนหากเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทาง Mifold เล็กแต่เวิร์ก รูปร่างหน้าตาของคาร์ซีทพกพา Mifold มีลักษณะเป็นแค่กล่องแบน ๆ เล็ก ๆ ทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ปรับระดับสายเข็มขัดนิรภัยให้ลงมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมโดยไม่ต้องมีเก้าอี้นั่ง ที่น่าสนใจก็คือสามารถนำไปติดตั้งไว้บนรถคันไหนก็ได้ รถบัส รถแท็กซี่ รถตู้ หรือขึ้นรถคันอื่นก็พกพาไปใช้ได้เพื่อดูแลความปลอดภัยให้เด็ก ๆ หากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ส่วนเรื่องความปลอดภัย ถึงแม้ว่าจะมีราคาถูกมาก…
ขณะโดยสารรถยนต์ ผู้ใหญ่คาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัย ลูกตัวโตอายุเกิน 12 ขวบมักจะใช้เข็มขัดนิรภัยของผู้ใหญ่ แล้วลูกเล็กล่ะมีอะไรปกป้องเขาได้หากเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทาง การอุ้มเด็กนั่งเบาะหลังดูเหมือนว่าจะปลอดภัยดี แต่มักพบว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุเด็กจะได้รับอันตรายรุนแรงจากการกระแทกกับตัวรถหรือกระเด็นออกนอกตัวรถ คาร์ซีทจึงมีความจำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเด็กค่ะ รายงานจาก WHO หรือองค์การอนามัยโลกกล่าวว่าการใช้เบาะนิรภัยสำหรับเด็กสามารถลดอันตรายจากการเกิดอุบัติเหตุ และช่วยลดโอกาสเกิดการสูญเสียชีวิตของเด็กได้ถึง 70 % จะดีแค่ไหนถ้าความปลอดภัยพกพาได้
คาร์ซีทที่พบเห็นโดยทั่วไปมีลักษณะเป็นเก้าอี้นั่งบุนวมติดตั้งในรถยนต์ แต่คาร์ซีทแบบพกพามีขนาดเล็กมาก สามารถพกติดตัวไปได้ทุกที่ นั่นก็คือ Mifold นวัตกรรมนี้คิดค้นขึ้นมาจากไอเดียของ Mr. Jon Sumroy คุณพ่อที่เป็นห่วงสวัสดิภาพยามเดินทางของลูก ๆ ทั้ง 4 คนของเขา จุดเด่นของคาร์ซีทแบบพกพา 1.มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง ผลิตด้วยวัสดุเดียวกับที่ใช้ในการผลิตเครื่องบิน จึงมีความแข็งแรง ทนทาน และน้ำหนักเบา เมื่อเกิดอุบัติเหตุสามารถปกป้องความปลอดภัยให้ลูกได้ และได้รับการรับรอง Regulatory Approval จาก US & EU 2.ได้รับ 14 รางวัลระดับสากลจากนานาประเทศทั้งรางวัลด้านความปลอดภัยและการดีไซน์ที่เหมาะสม…
คนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกในทุกเรื่อง รวมทั้งขณะเดินทางโดยรถยนต์ด้วยใช่ไหมคะ คำถามก็คือ…เราปกป้องลูกให้ปลอดภัยจากอันตรายหากเกิดอุบัติเหตุแล้วหรือยัง หากไม่แน่ใจหรือคิดว่าลูกปลอดภัยในยามเดินทางเพียงพอแล้ว มาดูข้อเท็จจริง 6 ข้อนี้กันค่ะ 1.การที่ในรถไม่มีที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือคาร์ซีท หากเกิดอุบัติเหตุรถชน โอกาสเกิดอันตรายจะมีสูง ทั้งจากตัวเด็กกระแทกกับตัวรถหรือกระเด็นออกนอกรถ 2.WHO องค์การอนามัยโลกให้ข้อมูลว่า การใช้คาร์ซีทช่วยลดอันตรายจากอุบัติเหตุและลดโอกาสเสียชีวิตได้ถึง 70 % 3.เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีควรนั่งเบาะหลังเท่านั้น และใช้คาร์ซีท หากตัวโตพอจะใช้เข็มขัดนิรภัยที่ติดมากับรถยนต์ สายรัดจะต้องอยู่ในจุดที่ไม่เป็นอันตรายกับตัวเด็ก 4.การอุ้มเด็กนั่งเบาะหลังไม่ปลอดภัยเพียงพออย่างแน่นอน หากเกิดอุบัติเหตุรถชนรุนแรงรถจะหยุดกะทันหัน มักพบอุบัติเหตุที่เด็กไม่ได้อยู่ในที่นั่งนิรภัยจึงไม่มีสิ่งยึดตัวไว้ จะกระแทกกับตัวรถ หรือหลุดกระเด็นออกนอกรถ 5.ไม่ควรให้เด็กอายุไม่ถึง 13 ปีหรือตัวยังไม่โตพอคาดเข็มขัดนิรภัยที่ติดมากับรถยนต์ เพราะเป็นของที่ทำขึ้นมาเพื่อให้พอดีกับขนาดตัวของผู้ใหญ่ หากเกิดอุบัติเหตุสายเข็มขัดนิรภัยอาจบาดหน้าหรือคอเด็ก เสี่ยงต่อการบาดเจ็บและชีวิตของเด็ก 6.เด็กทุกวัยควรใช้คาร์ซีท ซึ่งควรเลือกให้เหมาะสมกับขนาดตัวของเด็ก เด็กแรกเกิดถึง 2 ขวบควรใช้คาร์ซีทแบบหันหน้าไปทางท้ายรถ เพราะเด็กวัยนี้ศีรษะใหญ่กระดูกคออ่อนอยู่ การนั่งหันไปข้างหน้าเวลาเกิดอุบัติเหตุศีรษะจะสะบัดไปด้านหน้าและกลับมาข้างหลังกระดูกต้นคอหักได้ง่าย ควรปรับเปลี่ยนขนาดคาร์ซีทให้เหมาะกับตัวลูกเมื่อโตขึ้น คาร์ซีทพกพาเหมาะกับเด็กวัย 4-12 ขวบ เพราะเป็นการใช้ร่วมกับสายคาดนิรภัยที่ติดอยู่กับรถยนต์สามารถปรับขนาดสายให้เหมาะกับตัวเด็ก ทั้ง 6 ข้อนี้น่าจะเป็นตัวช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ประเมินได้ว่าดูแลความปลอดภัยให้ลูกยามเดินทางเพียงพอแล้วหรือยัง ถ้ายังควรเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ลูกโดยด่วนค่ะ
มีนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นมามากมายเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายของเรา นวัตกรรมบางอย่างก็มีประโยชน์กับเด็ก ๆ มากค่ะ หนึ่งในบรรดาปัญหาที่คุณแม่กังวลใจก็คือจะทำอย่างไรให้ลูกดื่มน้ำพอเพียงในแต่ละวัน ซึ่งตรงผลวิจัยของ Harvard School of Public Health รายงานว่าเด็กเกินกว่า 50 % ในสหรัฐฯ ดื่มน้ำน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ งานวิจัยยังบอกอีกว่าการดื่มน้ำน้อยส่งผลเสียต่อสมองทั้งทางด้านความจำและอารมณ์ นอกจากสมองแล้วน้ำยังมีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างยิ่ง ช่วยให้การทำงานของร่างกายเป็นไปตามปกติ ทั้งระบบไหลเวียนโลหิต การเผาผลาญ การควบคุมอุณหภูมิ และการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย บริษัท Bowhead Technology ได้คิดค้นกระติกน้ำสุดไฮเทคชื่อ Gululu ช่วยให้การดื่มน้ำเป็นเรื่องสนุกสนานเพื่อให้เด็ก ๆ ดื่มน้ำกันมากขึ้น ความอัจฉริยะของกระติกน้ำ Gululu ก็คือ เป็นกระติกน้ำที่มีเกมสัตว์เลี้ยงให้เล่น โดยกระติกน้ำจะสามารถวัดปริมาณการดื่มน้ำได้ คุณแม่คงสงสัยใช่มั้ยคะว่าเกมจะชวนให้เด็กสนุกกับการดื่มน้ำอย่างไร ทุกครั้งที่ลูกดูดน้ำจะเป็นการเติมพลังให้สัตว์เลี้ยงมีความสุขและโตขึ้น การดื่มน้ำต้องครบตามลิมิตที่ตั้งไว้ โดยใส่ข้อมูล น้ำหนัก อายุ และ กิจกรรมในแต่ละวันของลูก มีการแบ่งลิมิตการดื่มน้ำให้ครบ ถ้าดื่มครบจะได้ Gems สะสมไว้ซื้อไอเทมแต่งตัวสัตว์เลี้ยงจากใน…