ในหลายประเทศทั่วโลกมีกฎหมายบังคับใช้คาร์ซีทเพื่อดูแลความปลอดภัยของเด็กหากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์สำหรับประเทศสิงคโปร์กฎหมายกำหนดว่าเด็กที่มีความสูงน้อยกว่า 135 ซ.ม.แล้วไม่นั่งคาร์ซีทขณะเดินทางบนท้องถนนถือว่าผู้ใหญ่ที่ดูแลฝ่าฝืนต่อข้อบังคับของกฎหมาย มีความผิดค่พ คาร์ซีทในรถโรงเรียนนานาชาติ ที่น่าทึ่งก็คือนอกจากในรถยนต์แล้ว รถรับส่งของโรงเรียนในประเทศสิงคโปร์ก็มีการใช้คาร์ซีทด้วย ถ้าไม่ได้เห็นภาพเราอาจจะนึกไม่ออกว่าคาร์ซีทแต่ละที่นั่งมีขนาดใหญ่ จะนำไปติดตั้งในรถโรงเรียนให้ครบตามจำนวนเด็กได้อย่างไร
ราคาของคาร์ซีทใช่ว่าจะถูก โรงเรียนจะยอมทุ่มทุนเชียวหรือ
แต่ว่าโรงเรียนนานาชาติ Stamford American International School ทำได้ แล้วเขาทำได้อย่างไร ? คาร์ซีทพกพาคือคำตอบ ถ้าใช้คาร์ซีททั่วไปติดตั้งในรถโรงเรียนคงเป็นไปไม่ได้แน่ โรงเรียนนานาชาติแห่งนี้จึงเลือกใช้คาร์ซีทพกพาที่เล็กที่สุดในโลกของ Mifold ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าคาร์ซีททั่วไป 10 เท่า เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับเด็กนักเรียนหากเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทาง Mifold เล็กแต่เวิร์ก รูปร่างหน้าตาของคาร์ซีทพกพา Mifold มีลักษณะเป็นแค่กล่องแบน ๆ เล็ก ๆ ทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ปรับระดับสายเข็มขัดนิรภัยให้ลงมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมโดยไม่ต้องมีเก้าอี้นั่ง ที่น่าสนใจก็คือสามารถนำไปติดตั้งไว้บนรถคันไหนก็ได้ รถบัส รถแท็กซี่ รถตู้ หรือขึ้นรถคันอื่นก็พกพาไปใช้ได้เพื่อดูแลความปลอดภัยให้เด็ก ๆ หากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ส่วนเรื่องความปลอดภัย ถึงแม้ว่าจะมีราคาถูกมาก…
ขณะโดยสารรถยนต์ ผู้ใหญ่คาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัย ลูกตัวโตอายุเกิน 12 ขวบมักจะใช้เข็มขัดนิรภัยของผู้ใหญ่ แล้วลูกเล็กล่ะมีอะไรปกป้องเขาได้หากเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทาง การอุ้มเด็กนั่งเบาะหลังดูเหมือนว่าจะปลอดภัยดี แต่มักพบว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุเด็กจะได้รับอันตรายรุนแรงจากการกระแทกกับตัวรถหรือกระเด็นออกนอกตัวรถ คาร์ซีทจึงมีความจำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเด็กค่ะ รายงานจาก WHO หรือองค์การอนามัยโลกกล่าวว่าการใช้เบาะนิรภัยสำหรับเด็กสามารถลดอันตรายจากการเกิดอุบัติเหตุ และช่วยลดโอกาสเกิดการสูญเสียชีวิตของเด็กได้ถึง 70 % จะดีแค่ไหนถ้าความปลอดภัยพกพาได้
คาร์ซีทที่พบเห็นโดยทั่วไปมีลักษณะเป็นเก้าอี้นั่งบุนวมติดตั้งในรถยนต์ แต่คาร์ซีทแบบพกพามีขนาดเล็กมาก สามารถพกติดตัวไปได้ทุกที่ นั่นก็คือ Mifold นวัตกรรมนี้คิดค้นขึ้นมาจากไอเดียของ Mr. Jon Sumroy คุณพ่อที่เป็นห่วงสวัสดิภาพยามเดินทางของลูก ๆ ทั้ง 4 คนของเขา จุดเด่นของคาร์ซีทแบบพกพา 1.มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง ผลิตด้วยวัสดุเดียวกับที่ใช้ในการผลิตเครื่องบิน จึงมีความแข็งแรง ทนทาน และน้ำหนักเบา เมื่อเกิดอุบัติเหตุสามารถปกป้องความปลอดภัยให้ลูกได้ และได้รับการรับรอง Regulatory Approval จาก US & EU 2.ได้รับ 14 รางวัลระดับสากลจากนานาประเทศทั้งรางวัลด้านความปลอดภัยและการดีไซน์ที่เหมาะสม…
คนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกในทุกเรื่อง รวมทั้งขณะเดินทางโดยรถยนต์ด้วยใช่ไหมคะ คำถามก็คือ…เราปกป้องลูกให้ปลอดภัยจากอันตรายหากเกิดอุบัติเหตุแล้วหรือยัง หากไม่แน่ใจหรือคิดว่าลูกปลอดภัยในยามเดินทางเพียงพอแล้ว มาดูข้อเท็จจริง 6 ข้อนี้กันค่ะ 1.การที่ในรถไม่มีที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือคาร์ซีท หากเกิดอุบัติเหตุรถชน โอกาสเกิดอันตรายจะมีสูง ทั้งจากตัวเด็กกระแทกกับตัวรถหรือกระเด็นออกนอกรถ 2.WHO องค์การอนามัยโลกให้ข้อมูลว่า การใช้คาร์ซีทช่วยลดอันตรายจากอุบัติเหตุและลดโอกาสเสียชีวิตได้ถึง 70 % 3.เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีควรนั่งเบาะหลังเท่านั้น และใช้คาร์ซีท หากตัวโตพอจะใช้เข็มขัดนิรภัยที่ติดมากับรถยนต์ สายรัดจะต้องอยู่ในจุดที่ไม่เป็นอันตรายกับตัวเด็ก 4.การอุ้มเด็กนั่งเบาะหลังไม่ปลอดภัยเพียงพออย่างแน่นอน หากเกิดอุบัติเหตุรถชนรุนแรงรถจะหยุดกะทันหัน มักพบอุบัติเหตุที่เด็กไม่ได้อยู่ในที่นั่งนิรภัยจึงไม่มีสิ่งยึดตัวไว้ จะกระแทกกับตัวรถ หรือหลุดกระเด็นออกนอกรถ 5.ไม่ควรให้เด็กอายุไม่ถึง 13 ปีหรือตัวยังไม่โตพอคาดเข็มขัดนิรภัยที่ติดมากับรถยนต์ เพราะเป็นของที่ทำขึ้นมาเพื่อให้พอดีกับขนาดตัวของผู้ใหญ่ หากเกิดอุบัติเหตุสายเข็มขัดนิรภัยอาจบาดหน้าหรือคอเด็ก เสี่ยงต่อการบาดเจ็บและชีวิตของเด็ก 6.เด็กทุกวัยควรใช้คาร์ซีท ซึ่งควรเลือกให้เหมาะสมกับขนาดตัวของเด็ก เด็กแรกเกิดถึง 2 ขวบควรใช้คาร์ซีทแบบหันหน้าไปทางท้ายรถ เพราะเด็กวัยนี้ศีรษะใหญ่กระดูกคออ่อนอยู่ การนั่งหันไปข้างหน้าเวลาเกิดอุบัติเหตุศีรษะจะสะบัดไปด้านหน้าและกลับมาข้างหลังกระดูกต้นคอหักได้ง่าย ควรปรับเปลี่ยนขนาดคาร์ซีทให้เหมาะกับตัวลูกเมื่อโตขึ้น คาร์ซีทพกพาเหมาะกับเด็กวัย 4-12 ขวบ เพราะเป็นการใช้ร่วมกับสายคาดนิรภัยที่ติดอยู่กับรถยนต์สามารถปรับขนาดสายให้เหมาะกับตัวเด็ก ทั้ง 6 ข้อนี้น่าจะเป็นตัวช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ประเมินได้ว่าดูแลความปลอดภัยให้ลูกยามเดินทางเพียงพอแล้วหรือยัง ถ้ายังควรเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ลูกโดยด่วนค่ะ