เปิดเทอมไปสักพักหนึ่งแล้วคุณลูกยังป่วนอยู่หรือเปล่าคะ อะไรก็ตามพอทิ้งไปนานเข้าก็กลายเป็นเรื่องยาก จึงเป็นธรรมดาที่ลูกจะดื้อและป่วนในช่วงเปิดเทอมใหม่ ๆ เพราะเคยอิสระมานาน หมดช่วงเวลาแห่งความสนุกต้องมาตื่นแต่เช้า ไปเรียนหนังสือ แม่ ๆ มาหาวิธีรับมือกันค่ะ 1.ให้ลูกนอนแต่หัวค่ำ บ้านไหนฝึกลูกให้นอนหัวค่ำตลอดจะช่วยได้มาก ลูกจะตื่นเช้าโดยไม่อิดออดเพราะได้นอนครบ 10 ชั่วโมงเต็ม ๆ โดยประมาณตามวัยของเขา 2.สร้างบรรยากาศการไปโรงเรียนให้สดชื่น เลี่ยงการดุหรือบ่นลูก อาจจะเตรียมมื้อเช้าเมนูโปรด หรือบอกลูกว่าหลังเลิกเรียนจะชวนเขาทำกิจกรรมที่ชอบ 3.ช่วยดูแลจัดกระเป๋านักเรียน ทำให้กิจกรรมนี้เป็นเรื่องสนุกร่วมกัน ช่วยดูแลการบ้านเพื่อช่วยลดความเครียดให้เขา 4.หลังเลิกเรียนให้ลูกได้กลับมาพักผ่อนเร็ว ๆ ได้ทำกิจกรรมที่เขาชอบ หลังจากพักหายเหนื่อยชวนเขาขี่จักรยาน เล่นบอล หรือทำกิจกรรมที่ได้ออกกำลังกาย 5.ในช่วงแรกอาจเพิ่มสิทธิพิเศษบางอย่างให้ลูก เช่นให้เล่นได้นานหน่อย ได้กินขนมหรือของเล่นที่เขาชอบบ้าง แต่ต้องมีขอบเขตไม่ให้ต่างจากข้อกำหนดเดิมมากเกินไป ช่วงแรก ๆ นี้คุณแม่อย่าเพิ่งเป๊ะมาก ลดความเคร่งครัดในสิ่งที่ลูก “ต้อง” ทำลงสักนิด รอเขาปรับตัวได้ค่อยว่ากันค่ะ
คุณแม่หลายคนเจอปัญหาลูกอมข้าว ส่วนใหญ่อมเสร็จคายทิ้ง ทำบ่อยอาจขาดอาหาร คุณแม่อย่าเพิ่งกังวลใจปัญหานี้มีทางแก้ค่ะ 1.ปรับอาหารให้เหมาะกับวัย ช่วงเริ่มกินอาหารใหม่ ๆ นอกจากนมคุณแม่บดอาหารละเอียดก่อน ต่อมาค่อยปรับเป็นอาหารชิ้นใหญ่ขึ้น จากบดละเอียดเป็นสับหยาบและหั่นชิ้นเล็ก ลูกมีฟันขึ้นแล้วอย่าให้แต่อาหารบดละเอียดอีก ถ้าลูกไม่ได้ฝึกเคี้ยวก็จะเคยชินกับการกลืน และอาจติดเป็นิสัยเพราะกินง่าย 2.อย่าให้นมแทนข้าว เวลาลูกอมข้าวคุณแม่อาจกังวลว่าลูกจะไม่โต ให้กินนมแทนดีกว่าไม่ได้กินอะไร นั่นเท่ากับคุณแม่กำลังฝึกให้ลูกกินนมแทนข้าว อย่าเพิ่งใจอ่อนตามใจ ให้ได้บ้างนิดหน่อยแต่อย่ามากจนอิ่ม 3.ไม่เล่นระหว่างกินข้าว ให้ลูกมุ่งความสนใจไปที่การกินอาหาร กินไปเล่นไปเด็กจะสนใจการเล่น เวลาลูกกินทุกคำที่ป้อนโดยไม่รู้ตัวเหมือนจะดี แต่ก็จะลืมเคี้ยว 4.ไม่ให้ดูโทรทัศน์ใช้แทบเล็ตหรือมือถือระหว่างกินข้าว สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะดึงดูดความสนใจของลูกออกไปจากการกิน 5.ชวนลูกให้สนใจการกิน อาจจะชวนคุยให้ลูกอารมณ์ดี หรือพูดคุยเกี่ยวกับอาหารเช่น อาจจะถามลูกว่าพรุ่งนี้ลูกอยากกินอะไร ชวนให้เขามีส่วนร่วมในการทำอาหารก็จะช่วยให้เขาสนใจการกิน 6.อย่าใช้เวลานานเกินไป ไม่เกินครึ่งชั่วโมง การพยายามให้ลูกกินหมดชามคุณแม่อาจเข้าใจว่าภารกิจประสบความสำเร็จ แต่ความจริงแล้วทำให้ลูกไม่มีวินัยในการกิน 7.จัดเวลามื้อของว่างให้เหมาะ ระหว่างมื้อ ลูกหิวขึ้นมาขอนมหรือขนมคุณแม่กลัวลูกหิวก็มักจะให้กิน ให้กินได้แต่ไม่ต้องมากจนอิ่มเกินไป และไม่ควรให้กินใกล้เวลาอาหาร ถ้าลูกอมข้าวน้อยลงอย่าลืมชมนะคะ เขาจะได้มีกำลังใจและรู้สึกภูมิใจค่ะ
วันหยุดช่วงปิดเทอมเด็ก ๆ ได้เที่ยวหรือทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ บางครั้งลูกซุกซนไม่รู้ถึงภัยอันตรายใกล้ตัว คุณแม่ควรระวังเรื่องความปลอดภัยด้วยค่ะ จุดเสี่ยงมีอะไรบ้าง 1.คลอง บึง สระน้ำ เป็นสถานที่เกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตบ่อยในเด็กเล็กกและเด็กโตของบ้านเรา พบว่าเด็กอายุระหว่าง 5-6 ปี มักจมน้ำเสียชีวิตจากบ่อ หนอง คลอง บึง และสระว่ายน้ำในชุมชนหรือหมู่บ้าน และเกิดจากการไปวิ่งเล่นบริเวณใกล้แหล่งน้ำแล้วพลัดตกและจมน้ำ 2.ยานพาหนะ ข้อมูลเด็กที่เสียชีวิตจากการจราจรโดยเฉพาะช่วงปิดเทอมยอดพุ่งเพิ่มขึ้นกว่าปกติ เป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากการรถจักรยานยนต์ สาเหตุที่พบคือการให้เด็กนั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์ หรือแม้แต่การให้ขับขี่เอง 3.นอกบ้าน สถานที่ เช่น ห้างสรรพสินค้าฯ ร้านเกม คือสถานที่ที่มีเด็กพลัดหลงหรือหาย และถูกลักพาตัวเป็นอันดับต้น ๆ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ ไม่ควรปล่อยลูกอยู่ตามลำพัง และสอนลูกเรียนรู้เรื่องคนแปลกหน้า การช่วยเหลือตัวเองในกรณีพลัดหลง เป็นต้น 4.ในบ้าน บ้านไหนมีเด็กวัยซนต้องใส่ใจให้มาก ในจุดเสี่ยงเหล่านี้ เช่น ระเบียงบ้าน บานหน้าต่างห้อง บันได ห้องครัว ควรกั้นไม่ให้เข้าถึง รวมทั้งปลั๊กไฟ อุปกรณ์อันตราย…
นมแม่มีข้อดีนานัปการดังที่คุณแม่ทราบ มีโปรตีนย่อยง่าย สร้างภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ เช่นดอทบวมโรคทางเดินอาหาร ป้องกันท้องเสีย ป้องกันภูมิแพ้ ต้านการอักเสบติดเชื้อ สุขภาพแข็งแรงโตเร็ว แล้วนมแม่ยังช่วยเสริมสร้างสติปัญญาความเฉลียวฉลาดให้ลูกได้ รายงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Oxford University และ the Institute for Social and Economic Research, Essex University พบว่านมแม่ช่วยพัฒนาด้านความจำและยังช่วยเรื่องการเรียนของเด็กเมื่อถึงวัยเข้าเรียนอีกด้วย เมื่อได้กินนมทารกจะเติบโตเป็นเด็กที่มีความสุข สุขภาพจิตดีเพราะได้รับความอบอุ่นจากอ้อมกอดแม่ ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยและมีความสุขเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยพัฒนาสมองของเด็กเช่นกัน คุณแม่มือใหม่พยายามให้ลูกกินนมแม่อย่างน้อย 6 เดือนหรือนานกว่านั้นก็ยิ่งดีนะคะ เพราะนมแม่เลอค่าสุด ๆ ค่ะ
ต้องยอมรับว่าบางครั้งลูกน้อยแสนน่ารักสามารถกลายเป็นลูกน้อยแสนป่วนได้ ทำให้คุณแม่ต้องแปลงร่างเป็นแม่มดกันบ้าง แต่บ่อยไปก็จะไม่ดีทั้งกับคุณแม่และคุณลูกแน่ ๆ มาดูวิธีบรรเทาอาการปี๊ดแตกใส่คุณลูกกันค่ะ ตั้งสติ ท่องไว้ในใจว่าตอนนี้กำลังโกรธลูกใจเย็นลงหน่อย หาสาเหตุที่แท้จริง ต้นเหตุอาจจะไม่ใช่ลูก แต่เป็นความเครียดจากที่ทำงาน ปัญหาการ พักผ่อนน้อยอดนอน 3.นับ 1-10 ก่อนอาละวาดใส่ลูก เมื่อรู้สึกโกรธสุดขีดให้เดินเลี่ยงออกไปจากห้องนั้นก่อน ฝากคุณพ่อดูสักครู่ค่อยกลับมาใหม่ พูดถึงความรู้สึกของคุณแม่ว่ารู้สึกแย่อย่างไรเมื่อลูกมีพฤติกรรมเช่นนี้ แทนการชี้ข้อผิดของลูก อย่าเอาคดีเก่ามารวมรวบยอดพูดซ้ำซาก เวลาหายโกรธแล้ว ช่วงเวลาอารมณ์ดีอธิบายให้ลูกฟังด้วยท่าทีอบอุ่นอ่อนโยน เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างกันค่ะ
รับทราบมาบ่อย ๆ ว่าการกินเค็มหรือกินโซเดียมมากส่งผลเสียร้ายแรงต่อสุขภาพในระยะยาว ทั้งโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไต กระดูกพรุน อัมพฤกษ์อัมพาต ฯลฯ คุณพ่อคุณแม่อาจมั่นใจว่าลูกไม่ได้กินเค็มเกินไป ดูตัวเลขเหล่านี้แล้วอาจเปลี่ยนความคิดใหม่ มาดูปริมาณโซเดียมในอาหารจานเดียวกันก่อน สุกี้น้ำ 1,560 มิลลิกรัม บะหมี่น้ำหมูแดง 1,480 มิลลิกรัม เส้นใหญ่เย็นตาโฟ 1,417 มิลลิกรัม ผัดซีอิ๊ว 1,352 มิลลิกรัม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 977 มิลลิกรัม กระทรวงสาธารณสุขแนะนำว่าผู้ใหญ่ไม่ควรกินเกลือเกินวันละ 1 ช้อนชา (เกลือ 1 ช้อนชา =โซเดียม 2,000 มิลลิกรัม) แล้วเด็กล่ะ ? 6-11 เดือน 175-550 มิลลิกรัม/วัน (ประมาณ ¼ ช้อนชา) 1-3…
เมื่อไม่กี่วันมานี้ ข่าวพ่อของเด็กที่ถูกวัยรุ่น 5 คนรุมโทรมระงับอารมณ์ไม่อยู่ทำร้ายร่างกายผู้ก่อเหตุ เนื่องจากญาติผู้ก่อเหตุที่อ้างตัวว่าเป็นอบต.พยายามจ่ายเงินโดยไม่ต้องแจ้งความ ยังมีมีตำรวจช่วยไกล่เกลี่ยเพื่อให้เรื่องจบ สร้างความโกรธแค้นให้กับคนในสังคม และรู้สึกสะใจเมื่อผู้ทำผิดโดนพ่อเหยื่อทำร้ายเอาคืนบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกครั้งที่มีข่าวคราวเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ ถูกข่มขืน สะเทือนความรู้สึกคนเป็นพ่อเป็นแม่และทุกคนในสังคม มีคำถามว่าเมื่อไหร่ปัญหานี้จะหมดไป แล้วเราจะปกป้องเด็ก ๆ ของเราอย่างไร ไทยติดอันดับ 10 โลกคดีข่มขืน ไทยติดอันดับ 10 ของโลกจากการคำนวณจำนวนคดี แต่ถ้าคำนวณจากอัตราเฉลี่ยคดีต่อประชากรหญิงจะติดอันดับ 29 ของโลก รายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติล่าสุด สถิติคดีข่มขืนในไทย พ.ศ. 2552-2556 เฉลี่ยปีละ 4,000 คดี ซึ่งหมายความว่ามีเหตุเกิดขึ้นทุก 2 ชั่วโมง ตำรวจจับได้ปีละ 2,400 คดี แต่ข้อมูลจากศูนย์พัฒนาข้อมูลกระบวนการยุติธรรมสำนักงานกิจการยุติธรรมรายงานว่าคดีข่มขืนเกิดขึ้นจริงมากกว่า 30,000 ดีต่อปี เท่ากับว่าเกิดขึ้นทุก ๆ 15 นาที คดีข่มขืนที่ไม่ได้แจ้งความมีถึง 87% สถิติเรื่องราวร้องทุกข์ข่มขืนอนาจารผ่านมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ปี 2558 มี 658 ราย …
เด็กแต่ละคนเกิดมามีบุคลิกลักษณะต่างกันไป ความเชื่อเรื่องโชคชะตาราศีก็เป็นเรื่องน่าสนุกอีกเรื่องหนึ่งที่คุณแม่หลายท่านชื่นชอบ Mother&Care จึงนำเสนอให้คุณแม่ได้อ่านกันค่ะมาดูกันว่าโชคชะตาราศีตามเดือนเกิดมีผลต่อนิสัยใจคอ ความชอบ ความสามารถของลูกอย่างไรบ้าง ทำความรู้จักเด็ก ๆ แต่ละราศีเกิดทั้ง 12 ราศีดูซิว่าจะตรงกับลูกน้อยบ้างมั้ยน้า ลูกน้อยราศีเมษ : 21 มีนาคม -19 เมษายน หนูน้อยราศีเมษเป็นเด็กค่อนข้างเงียบ เก็บตัว เหมือนจะไม่โดดเด่น แต่ถ้าวันหนึ่งเขาเปล่งประกายขึ้นมา คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสนใจนะคะชาวเมษหลายคนมีแนวโน้มชอบคุณพ่อมากกว่าเพราะสัญลักษณ์เมษเป็นเพศชาย มีนิสัยรักอิสระ ชอบความเร็ว ชอบสีสดใส รักการแต่งตัว เป็นผู้นำตั้งแต่เกิด บางทีก็จะดูชอบทำตัวเป็นบอส แต่ก็รักพี่รักน้อง เลี้ยงลูกชาวเมษ ลูกแกะน้อยเป็นเด็กแอคทีฟพลังงานเปี่ยมล้น ต้องจับตาดูให้ดีโดยเฉพาะตอนเริ่มหัดเดิน ระวังจะพุ่งออกประตู เขามีโอกาสพลัดตกหกล้ม หัวกระแทก มากกว่าเด็กราศีอื่น บ้านต้องมีอุปกรณ์กันกระแทก หุ้มโต๊ะเก้าอี้ไว้ เป็นเด็กช่างเลือกจะเลือกกินแต่ของที่ตัวเองชอบซ้ำ ๆ ต้องชวนให้ลองอะไรใหม่ ๆ บ้าง เพราะว่องไวและแรงเยอะ แนะนำของเล่นประเภททุบหรือชกได้ รถแข่ง เครื่องยนต์กลไก เกมทายปัญหา บัตรคำ เกมความรู้ ให้เขาเป็นตัวของตัวเอง มีเวลาส่วนตัว อย่าบังคับให้เล่นกับเด็กอื่นถ้าเขาไม่อยู่ในอารมณ์ ราศีนี้มีเหวี่ยงวีน อย่าสปอยล์ ให้เขาเรียนรู้กฎกติกา เพราะเป็นเด็กฉลาดถ้าพูดเหตุผลกับเขาตรง ๆ…
ถึงแม้ว่าความผิดพลาดจะไม่ใช่เรื่องน่ายินดี แต่ก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง คุณหมอมินบานเย็นแนะนำคุณพ่อคุณแม่ปล่อยลูกให้มีโอกาสเรียนรู้จากความผิดพลาดบ้างเพื่อการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นใจในตนเอง ตามมาอ่านบทความของคุณหมอกันค่ะ ในชีวิตของคนเรานั้นสิ่งที่ปรารถนาก็คือความสำเร็จ แต่กว่าจะเดินทางไปถึงความสำเร็จอย่างที่ใจหวัง ไม่ว่าเป็นใครก็ตามย่อมก็เคยพบกับความผิดพลาด สิ่งที่แตกต่างกันของแต่ละคนก็คือ ความสามารถที่จะจัดการกับความผิดพลาดนั้นๆ ได้หรือไม่ ซึ่งตรงนี้ต้องอาศัยการฝึกฝน ความรับผิดชอบ การเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก สุดท้ายคือ ไม่ท้อแท้แม้จะผิดพลาด แต่สามารถยืนหยัดที่จะก้าวต่อไป มีคุณพ่อคุณแม่หลายคนที่ทนไม่ได้กับความผิดพลาดของลูกและมักจะอดไม่ได้ที่จะพยายามแก้ไขความผิดพลาดด้วยการเข้าไปจัดการเสียเอง ก่อนที่จะเกิดความผิดพลาดขึ้น ทั้งที่ในความเป็นจริง ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ก็มีประโยชน์ เพราะจะทำให้คนที่ผิดได้เรียนรู้ รับผิดชอบ และไม่ทำอีกคราวหน้า ผู้ใหญ่จึงควรให้เด็กได้เรียนรู้ในผลของการกระทำ คุณแม่ท่านหนึ่งที่หมอคุยด้วย ไม่สามารถจัดการกับพฤติกรรมของลูกสาว ลูกสาวคุณแม่ไม่ชอบทำการบ้าน บ่นว่ายาก ทำแล้วก็ผิด ทำไม่ได้ ไม่อยากจะทำ และเมื่อทุกครั้งที่ลูกไม่ยอมทำการบ้าน แม่ก็จะแก้ปัญหาด้วยการทำให้แทน ครูก็ไม่รู้ หรือจะรู้ก็ไม่ทราบ และลูกก็มีงานไปส่งทันทุกวัน เพราะลูกรู้ว่าแม้ว่าจะไม่ทำ สุดท้ายแม่ก็จะทำให้ คุณพ่ออีกท่านหนึ่ง บ่นให้หมอฟังว่า ลูกชอบทำห้องนอนสกปรก เสื้อผ้าใช้แล้วก็กองทิ้งไว้ เมื่อถามว่า แล้วเมื่อเขาไม่ยอมทำความสะอาดห้อง ไม่เอาเสื้อไปลงตะกร้า คุณพ่อทำยังไง คุณพ่อก็บอกว่า ก็ทำแทนให้ทุกๆ ครั้ง หมอเข้าใจว่า คุณพ่อคุณแม่คงจะทนไม่ได้ที่จะเห็นลูกไม่มีการบ้านไปส่งครู…
ทุกวันนี้แดดแรงทุกฤดู หรือในช่วงวันฟ้าครึ้มแดดไม่แรงจัดก็ตามแต่รังสียูวีก็ยังสามารถทำร้ายผิวได้ แม่ ๆ มักจะทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านเพื่อปกป้องผิวสวย แต่ทราบไหมคะว่าเด็ก ๆ ก็ต้องการการปกป้องผิวเช่นกัน เพราะหากไม่ปกป้องผิวลูกจากอันตรายของรังสียูวี ผิวของลูกอาจมีโอกาสถูกทำร้าย โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับแสงแดดแรงกล้ายามเที่ยงวันมีโอกาสที่ผิวจะแสบแดงและร้อนได้ 6 เดือนขึ้นไป Dr. Lawrence Gibson แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเมือง Rochester รัฐ Minnesota ประเทศสหรัฐฯ เขียนบทความหนึ่งลงเว็บไซต์ Mayoclinic.org ว่า เด็กวัยตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปจึงจะสามารถใช้ครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิว คุณแม่จำเป็นต้องอ่านฉลากบนครีมกันแดดด้วยค่ะ เนื่องจากบางแบรนด์อาจมีคำแนะนำในการใช้ว่าเหมาะกับเด็กในวัยต่างกันไป เช่น 6 เดือน หรือ 12 เดือน เป็นต้น วิธีเลือกครีมกันแดดให้ลูกน้อย การเลือกครีมกันแดด (Sunscreen) สำหรับลูกน้อยวัย 6 เดือนขึ้นไป จำเป็นต้องมีความละเอียดอ่อนสักนิด เนื่องจากผิวเด็กยังอ่อนบางกว่าผู้ใหญ่ แนะนำวิธีเลือกดังนี้ค่ะ 1.มี SPF อย่างน้อยตั้งแต่ 30 ขึ้นไป 2.ปราศจากน้ำหอม สี แอลกอฮอล์ และสารเคมีต่าง ๆ 3.ผ่านการทดสอบค่า SPF…