Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

Knowledge

ความรู้ ทั้งอัพเดท และ How to การเลี้ยงดูลูก รวมถึงการดูแลตัวเอง ฉบับคุณแม่ คุณพ่อ ยุคใหม่ ที่ครบคลุมตั้งแต่ ช่วงตั้งครรภ์ จนถึง ลูกอยู่ในวัยประถม

มีหรือยังเอ่ย 10 ไอเท็มของใช้แม่และเด็กสุดฮิตปี 2019

ของบางอย่างเราอาจไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องมี แต่เมื่อถึงคราวต้องใช้อาจหาได้ไม่ทันใจ ลองมาเช็คลิสต์กันดูว่า ของเหล่านี้มีติดบ้านไว้หรือยัง เพราะล้วนแต่เป็นไอเท็มสำคัญที่บรรดาคุณพ่อคุณแม่นิยมซื้อกันตลอดปีที่ผ่านมา อะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย 10. สเปรย์ปรับอากาศ เพราะอากาศบ้านเราเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้หนึ่งในผลิตภัณฑ์มาแรงปี 2019 คือ สเปรย์ปรับอากาศ ที่ช่วยให้สดชื่น ผ่อนคลาย มีหลายยี่ห้อให้เลือกซื้อ เช่น ตรานกแก้ว, ตราจิงโจ้ ฯลฯ ซึ่งปกติแล้วมักมีน้ำมันยูคาลิปตัสเป็นส่วนผสมหลักเพราะมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการหวัดคัดจมูก ช่วยปรับกลิ่นไม่พึงประสงค์ในอากาศ และทำให้รู้สึกผ่อนคลาย บางแบรนด์ยังผลิตสเปรย์รุ่นที่มีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อโรคในอากาศออกมาอีกด้วย เช่น Polar Spray, King Stella เป็นต้น ดีขนาดนี้ไม่แปลกใจที่ทำไมใครๆ จึงชอบซื้อไว้ติดบ้าน  9. สกูตเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือเด็กโต ของเล่นสุดฮิปอันดับต้นๆ จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก สกูตเตอร์   โดยเฉพาะ Scoot & Ride เพราะเป็นของเล่นที่คุ้มค่าคุ้มราคา ซื้อครั้งเดียวเล่นได้หลายช่วงอายุ ตั้งแต่ 1-5 ปี สำหรับเด็กเล็กที่การทรงตัวยังไม่ค่อยดีนักสามารถปรับเป็นที่นั่งใช้ขาไถได้ ส่วนเด็กที่โตขึ้นมาหน่อยก็สามารถเลือกปรับเป็นยืนไถได้เช่นกัน เรียกว่า ไม่ซื้อไม่ได้แล้ว 8. ของใช้พลาสติก…

Read more

DBS Mini Dragons เปิดแล้ว! ใช้หลักสูตร EYFS ของประเทศอังกฤษ เน้นภาษาอังกฤษ – มีพัฒนาการเด่น – มีทักษะสังคม ปูพื้นฐานเด็กเล็กวัย 2-3 ขวบ ช่วงนาทีทองของพัฒนาการชีวิต

คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงรู้สึกว่า ลูกน้อยวัยกำลังเตาะแตะนั้น ควรเติบโตไปตามธรรมชาติ ให้เรียนรู้อยู่บ้านกับพี่เลี้ยงก็เพียงพอแล้ว อันที่จริงแล้ว เด็กเล็กในวัย 2-3 ขวบ คือ ช่วงเวลาที่สำคัญของลูกอย่างที่คาดไม่ถึง! เพราะจากบทความและงานวิจัยทั่วโลกยืนยันว่า เด็กในช่วงอายุ 2-3 ปี นับเป็นช่วงนาทีทองแห่งการเรียนรู้ ความเฉลียวฉลาด และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของเด็ก เพราะสมองจะมีการพัฒนาที่รวดเร็วมากแทบเป็นนาทีต่อนาที ยิ่งถ้าได้รับการพัฒนาอย่างถูกวิธี โดยผู้เชี่ยวชาญด้วยแล้ว จะทำให้ร่างกายและสมองได้มีพัฒนาการเต็มศักยภาพ ซึ่งการทำงานของสมองแต่ละส่วนจะมีหน้าที่แตกต่างกัน อาทิ การประมวลการรับรู้ การเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสต่างๆ ความสามารถในการเข้าใจความหมายของคำหรือสิ่งที่เห็น อารมณ์ความรู้สึก และการเรียนรู้ทางสังคม ซึ่งทั้งหมดทำงานประสานกัน ก่อให้เกิดทักษะบางอย่างที่เด็กอายุสองขวบควรจะทำได้ อาทิ สามารถพูดคำศัพท์ได้เล็กน้อยและรู้จักเชื่อมคำต่างๆ เข้าด้วยกัน สามารถพูดออกเสียงได้อย่างชัดเจน และความกระตือรือร้นในการเรียนรู้...แล้วผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กเล็กอยู่ที่ไหนกัน? DBS Mini Dragons เปิดสอนชั้นเตรียมอนุบาล (Pre-EY Centre) โดยใช้หลักสูตร EYFS (Early Years Foundation Stage) จากประเทศอังกฤษ เด่นหล้า บริติช สคูล (Denla British School -…

Read more

ลูกผิวแห้ง บำรุงได้ไม่ต้องกลัวแพ้ ถ้าทำตามนี้

ลูกผิวแห้ง แตกเป็นขุยมากแค่ไหน ไม่ยอมทาครีมบำรุงเพิ่มเติม เพราะกลัวผิวลูกระคายเคือง แพ้ง่าย คิดว่าอยู่แต่ในห้องแล้วผิวไม่ได้รับมลภาวะใด ๆ น่าจะไม่เป็นไร แต่ในความเป็นจริงแล้วผิวของลูกนั้นบอบบางเสียยิ่งกว่าพ่อแม่เสียอีก ก่อนอื่นเราต้องไปทราบสาเหตุกันก่อนว่าทำไมลูกถึงผิวแห้งนะ ลูกผิวแห้ง เพราะ สาเหตุของผิวแห้ง ผิวแตกเป็นขุย อาจเกิดได้จากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อาทิ การอยู่ในห้องแอร์ที่มีอากาศค่อนข้างแห้ง หรืออากาศร้อนก็มีส่วนทำให้ผิวของลูกเกิดผื่นแห้งแดงจากเหงื่อได้ หรือการถูสบู่แรงและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นด่างมากเกินไปจนทำร้ายผิวของลูกให้แห้งกร้าน รวมไปถึงหลังอาบน้ำเสร็จแล้วไม่ยอมบำรุงทาครีมให้ลูกน้อยเลย สาเหตุง่าย ๆ ใกล้ตัวในชีวิตประจำวันนี้เองที่พวกเราเผลอมองข้ามไปจนทำร้ายผิวของลูกเรา จนส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของลูก ทั้งอาการเกา คัน บริเวณผิว จึงทำให้เกิดเป็นแผลได้ วิธีการบำรุงและหลีกเลี่ยง เมื่อผิวลูกแห้งเป็นขุย 1.เลือกใช้ครีมบำรุงที่เหมาะสมกับเด็ก ควรเลือกครีมบำรุงที่หลีกเลี่ยงอาการแพ้ให้ลูก ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากออร์แกนิคและเวชสำอางค์เท่านั้น และควรดูส่วนผสมก่อนซื้อด้วยว่าใส่สารกันบูดไหม มีสีสังเคราะห์ และสารลดแรงตึงผิวหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยต่อผิวของลูก 2.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่อ่อนโยนต่อเด็ก ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่มี 4 อย่างนี้เป็นส่วนประกอบ คือ กลูเตน พาราเบน เอสแอลเอส ซิลิโคน ซึ่งสารเหล่านี้มีผลข้างเคียงต่อการเจริญเติบโต ปัญหาสะสมในร่างกายต่าง ๆ  และเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย ดังนั้นพ่อแม่จึงต้องเลือกให้ดีและถี่ถ้วนก่อนใช้งาน 3.ไม่ควรอาบน้ำบ่อย และใช้น้ำที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป วันไหนลูกน้อยเหงื่อออกไม่มาก แนะนำให้พ่อแม่อาบน้ำให้ลูกแค่วันละหนพอ นอกเหนือจากนี้การอาบน้ำร้อนนั้นยังส่งผลกระทบต่อน้ำมันที่หล่อเลี้ยงผิวของลูกน้อยด้วย ทำให้ผิวแห้งตึงและขาดความชุ่มชื้นได้นั่นเอง แถมพ่อแม่ห้ามถูและขัดตัวลูกน้อยแรงจนเกินไปด้วย เพราะการกระทำแบบนี้จะยิ่งทำให้ผิวแห้งขึ้น 4.หลีกเลี่ยงการลงเล่นน้ำในสระคลอลีนและน้ำเกลือ สระว่ายน้ำกับเด็ก เป็นของคู่กัน หากหลีกเลี่ยงการเล่นน้ำของลูกไม่ได้…

Read more

ลูกไม่ยอมนอน ร้องโยเย เอาอยู่หมัดด้วยการฝึกลูกนอน

ลูกไม่ยอมนอน ตกกลางดึกร้องไหงอแงทุกที ยิ่งเป็นพ่อแม่มือใหม่กับลูกเล็กเด็กอ่อนวัยไม่เกิน 3-4 เดือนแล้วเนี้ย ถือเป็นปัญหาเบสิคที่ทุกบ้านต้องพบเจอเลยแหละ แต่อาการมันจะหายไปและพ่อแม่สบายบรื้อเมื่อลูกเริ่มพ้นอายุ 6 เดือนขึ้น แต่การฝึกลูกนอนควรทำแต่เนิ่น ๆ ตอนลูกอายุ 1 กว่า ๆ จนถึง 2 เดือน จะมีวิธีฝึกให้ลูกน้อยนอนยาวตอนกลางคืนเพื่อการพักผ่อนและให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ดีจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย ลูกไม่ยอมนอน เกิดจากสาเหตุดังนี้ เนื่องจากเด็กทารกนั้นยังไม่มีความสามารถในการแยกแยะเวลากลางวัน กลางคืน พ่อแม่จึงอย่ารำคาญลูกกันเลยว่าตื่นกลางดึกกันบ่อยจัง อีกทั้งยังมีหลายปัจจัยที่ทำให้ลูกเกิดความไม่สบายตัวในการนอนทั้งบรรยากาศห้องนอน เสื้อผ้าที่ลูกสวมใส่ หรือแม้แต่อาการผิดปกติทางร่างกาย รวมไปถึงลูกหิวนม ปวดห้องน้ำอีกด้วย ยิ่งเป็นลูกเล็กอายุไม่ถึง 4 เดือน พ่อแม่ควรทำใจกับการตื่นกลางดึกบ่อย ๆ ไว้ได้เลย ฝึกลูกนอนยาวตอนกลางคืน ง่าย ๆ ด้วย 1.สอนให้ลูกแยกแยะกลางวันและกลางคืน เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกหลับตอนกลางวันมากเกินไป และตื่นมากลางดึกอีก พ่อแม่ควรสร้างสถานการณ์ให้ลูกเห็นอย่างชัดเจนว่าช่วงเวลากลางวันนั้นจะมีแสงสว่าง มีเสียงดัง และความวุ่นวาย แม้แต่ตอนลูกตื่นอยู่หรือหลับอยู่ก็ตาม และพอตกกลางคืนพ่อแม่ก็ทำให้กลางคืนนั้นเงียบ สงบ เพื่อให้ลูกน้อยแยกแยะกลางวันกลางคืนและปรับตัวได้เองในที่สุด หากลูกงอแงพ่อแม่อาจอุ้มขึ้นมาปลอบเพื่อให้ลูกรู้สึกปลอดภัยได้ 2.สร้างบรรยากาศในห้องนอนให้เหมาะสม คุณพ่อคุณแม่ต้องสร้างบรรยากาศในห้องนอนให้เพรียบพร้อม ทั้งการเปิดไฟสลัว ๆ เพื่อป้องกันเวลาลูกงอแงแล้วจะได้ไม่ต้องเปิดไฟสว่างทั่วบ้าน หรือการลดเสียงรบกวนของแอร์ ก็ควรเลือกให้ดี อีกทั้งเสื้อผ้าที่ใส่ต้องสบายลูกใส่แล้วอึดอัด ไม่มีอะไรไปรบกวนและขัดขวางการนอนของเขา พร้อมทั้งเปิดเพลงกล่อมลูกไปช้า ๆ พัฒนาคลื่นสมองของลูกไปในตัว 3.กินอาหารให้อิ่มท้องเพื่อการนอนที่ยาวนาน ลองให้ลูกกินนมสักนิดก่อนนอน ไม่ว่าลูกจะตื่นอยู่หรือหลับไปแล้ว…

Read more

ของใช้เด็ก รู้ไว้ก่อนเผลอใช้ของหมดอายุ

ของใช้เด็ก สิ่งที่พ่อแม่ควรเช็คทุกครั้งก่อนใช้ คือ อายุการใช้งาน เพราะความปลอดภัยของลูกน้อยต้องมาเป็นอันดับแรก หากเผลอใช้ของหมดอายุไปแล้วหล่ะก็ นอกจากคุณภาพจะเสื่อมแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อลูก บางชนิดอาจทำให้ต้องไปพบแพทย์กันเลยทีเดียว จะมีของจำเป็นอะไรบ้างที่พ่อแม่ต้องจดวันเวลาเดือนปีในการใช้งาน รีบดูเลย 1.นมแม่ / นมชง มีอายุการใช้งาน 1- 4 ชั่วโมง หากเป็นนมแม่ที่ปั้มไว้ในอุณหภูมิปกติจะสามารถอยู่ได้ 1 ชั่วโมง และถ้าแช่ตู้เย็นจะอยู่ได้นานถึง 4 ชั่วโมง ส่วนนมชงสามารถเก็บทิ้งไว้ 4 ชั่วโมง (ถ้ายังไม่มีใครกิน) แต่ถ้าหากลูกกินแล้วและไม่กินต่อ ควรทิ้งทันทีหลังจากพ้น 1 ชั่วโมง 2.นมผง มีอายุ 1 เดือน (หลังเปิดใช้งานแล้ว) ข้อควรระวังในการเก็บนมผง คือ ความชื้น และน้ำ หากเก็บไม่มิดชิดในที่อับแสงอาจเป็นการลดคุณภาพของนมผงลดได้ด้วย และถ้ามีสีเปลี่ยนไปในทางเหลืองเข้ม รวมไปถึงมีกลิ่นแรง พ่อแม่ควรทิ้งได้แล้ว แถมถ้าเป็นนมผงที่ยังไม่ได้แล้วยังไม่มีอายุแน่ชัดว่าอยู่ได้กี่ปี บางทีก็บอก 18 เดือน หรือปีครึ่ง บางทีก็บอก 10 ปี ทางที่ดีพ่อแม่ควรเช็คก่อนชงให้ลูกดื่มทุกครั้ง 3.อาหารเสริม มีอายุ 2 วัน…

Read more

คลอดก่อนกำหนด เรื่องที่คุณแม่ต้องทำความเข้าใจและรับมือ

         คลอดก่อนกำหนด ตั้งแต่ที่คุณพ่อคุณแม่ทราบว่าตัวเองกำลังจะมีลูกนั้น ทุกคนคงตั้งหน้าตั้งตารอเพื่อที่จะเจอหน้าลูกๆ อย่างใจจดใจจ่อ เรียกได้ว่านับวันรอกันเลยทีเดียว โดยที่หวังอย่างยิ่งว่าลูกจะมีร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง และคงไม่มีใครอยากเห็นลูกของเราคลอดออกมาก่อนกำหนดหรอกค่ะ แต่หากเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องเตรียมรับมือกับลูกน้อยที่คลอดก่อนกำหนด เพื่อการเลี้ยงดูลูกให้มีประสิทธิภาพ และมาเช็คกันว่าการกระทำแบบไหนที่เสี่ยงจะทำให้คลอดลูกก่อนกำหนด คลอดก่อนกำหนด เกิดจากสาเหตุอะไร โดยปกติแล้วคุณแม่จะอุ้มท้องประมาณ 38-42 สัปดาห์ นี่ถือเป็นระยะการคลอดตามกำหนด ดังนั้นภาวะการคลอดก่อนกำหนด คือการที่ทารกคลอดก่อนมีอายุครบ 37 สัปดาห์ หรือคลอดก่อนกำหนดมากกว่า 2 สัปดาห์ ซึ่งอวัยวะภายในยังเติบโตไม่สมบูรณ์ ทำให้ทารกที่คลอดมามีน้ำหนักตัวน้อย และเมื่อคลอดออกมาแล้วจึงต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจนกว่าอวัยวะภายในจะสมบูรณ์รวมไปถึงสุขภาพของทารกที่แข็งแรงขึ้นด้วย ภาวะการคลอดก่อนกำหนดมีอยู่ 2 สาเหตุหลักๆคือ 1 สาเหตุจากตัวแม่เอง - คุณแม่อาจมีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ โรคที่เกี่ยวกับหัวใจ ปอด ตับ หรือโรคเบาหวาน - คุณแม่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี ขณะตั้งครรภ์ หรือมีอายุเกินกว่า 35 ปี ขณะตั้งครรภ์ - ระหว่างตั้งครรภ์นั้นคุณแม่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ รวมไปถึงการใช้สารเสพติด - ระหว่างตั้งครรภ์ทำงานหนักและมีอาการเครียดมากเกินไป  ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีในร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัว ซึ่งที่กล่าวมานี้เป็นเพียงภาวะเสี่ยงที่ทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด อาจไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้คลอดก่อนกำหนดทั้งหมด ทั้งนี้หากคุณแม่ที่ตั้งครรภ์รู้ตัวว่ามีปัญหาสุขภาพหรืออยู่ในกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงข้างต้น ควรงดหรือเลิกทำกิจกรรมที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด สาเหตุจากตัวทารก คือ มีอาการติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ หรือมีความพิการมาตั้งแต่กำเนิด และอาจเกี่ยวข้องกับโรคทางพันธุกรรมบางชนิดจึงทำให้เป็นปัจจัยในการคลอดก่อนกำหนด ปัญหาที่พบบ่อยเมื่อลูกน้อยคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์ แพทย์จึงต้องดูแลเป็นพิเศษโดยการให้อาหารผ่านสายยาง และให้กินนมแม่เพื่อช่วยส่งเสริมพัฒนาการของทารก…

Read more

เลี้ยงลูก ตามความเชื่อโบราณดีจริงไหม?

เลี้ยงลูก หลายครอบครัวน่าจะประสบกับปัญหาที่ว่า “เชื่อแม่สิ แม่เคยเลี้ยงลูกมาก่อน” หรืออาจจะเป็นประโยคเบสิคที่ว่า “แม่อาบน้ำร้อนมาก่อน” คำพูดเหล่านี้จะถูกพูดขึ้นเมื่อครอบครัวของคุณได้ให้กำเนิดลูกตัวน้อยๆให้คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ชื่นใจ และพวกเขาต้องการเลี้ยงหลานๆของเขาตามแบบฉบับของตัวเอง แต่ด้วยความที่เราเป็นคุณพ่อคุณแม่สมัยใหม่ การเลี้ยงดูลูกจึงไม่เหมือนกับสมัยของพ่อแม่ เราเลยพยายามหลีกเลี่ยงการกระทำบางอย่างที่เขาพร่ำบอกกันว่าทำกันมาตั้งแต่โบราณ เพราะความเชื่อที่มีมาแต่โบราณเกี่ยวกับสุขภาพหรือร่างกายของทารก อาจมีบางสิ่งที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และอาจถึงขั้นที่เกิดอันตรายแก่ทารกได้ แต่ในวันนี้จะมานำเสนอให้ดูว่าความเชื่อเรื่องการเลี้ยงลูกในสมัยโบราณสามารถนำมาใช้เลี้ยงลูกในปัจจุบันได้หรือไม่ อย่างไร ทาดอกอัญชันที่ผมและคิ้ว เพื่อให้ดกดำและเงางาม ในดอกอัญชัญ มีสารที่ชื่อว่า แอนโทไซยานิน ซึ่งสารตัวนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดี คนโบราณจึงนำมาทาที่ผมและคิ้ว โดยที่เชื่อว่าจะทำให้ผมกับคิ้วจะดกและมีสีดำเงางาม ความเชื่อนี้ไม่เป็นอันตรายกับทารก แต่อาจก่อให้เกิดผื่นแพ้กับผิวที่บอบบางของทารกได้ ทานกล้วยบดเป็นอาหารเสริม เพราะอยู่ท้องเคี้ยวง่าย ทุกคนล้วนแล้วแต่เคยกินกล้วยบดมาก่อน ซึ่งการกินกล้วยนั้นก็ดี แต่ในช่วง 6 เดือนแรกของทารกควรกินแต่นมแม่ เพราะลำไส้ของทารกยังไม่ทำงานได้ไม่เต็มที่ หากกินกล้วยเข้าไปอาจไปอุดตันที่ลำไส้และอาจก่อให้เกิดอันตรายกับทารกได้ ต้องบ้วนน้ำลายใส่สะดือลูกหลังคลอด คนโบราณเชื่อว่าการบ้วนน้ำลายใส่สะดือจะทำให้สะดือเน่าและหลุดไป เป็นความเชื่อที่ไม่ควรทำตามอย่างยิ่ง!!! เพราะในความจริงแล้วสายสะดือจะหลุดไปเองโดยธรรมชาติ หากบ้วนน้ำลายใส่สะดือเด็กนั้นอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่กระแสเลือดได้ นอกจากนี้แพทย์ปัจจุบันนั้นมียาม่วงเอาไว้เช็ดสะดือลูกจนกว่าสายสะดือจะหลุด ห้ามตัดเล็บจนกว่าจะอายุ 1 เดือน ความเชื่อนี้มีมาตั้งแต่โบราณ ที่ว่าห้ามตัดเล็บจนกว่าจะอายุ 1 เดือน…

Read more

ลูกเป็นหวัด ไม่สบาย หายได้ด้วยของก้นครัวอย่าง “หอมแดง”

ลูกเป็นหวัด แก้ปัญหาได้ง่าย ๆ ด้วยภูมิปัญญาไทย อย่างหอมแดง เผื่อกรณีฉุกเฉินพาลูกไปเที่ยวนอกบ้าน ไม่คุ้นชินทางและบ้านเมืองในจังหวัดนั้น ๆ คุณพ่อคุณแม่จะได้มีวิธีรักษาเบื้องต้นและบรรเทาอาการหวัดนี้ให้ดีขึ้นได้ ลูกเป็นหวัด บรรเทาด้วยหอมแดง ( อ้างอิงจากสำนักงานข้อมูลสมุนไพร ) จากวารสารแพทย์ทางเลือกและการแพทย์แผนไทย 2553 ได้มีการศึกษาในการนำหอมแดง 3-4 หัวมาทุบ โดยก่อนทุบนั้นจะต้องตัดราก ปอกเปลือก และล้างทำความสะอาด ก่อนใส่ถุงผ้าบาง ๆ ห่อเป็นกระจุกแล้วนำไปทุบหยาบ ๆ ซึ่งในกรณีนี้ได้นำเด็กแรกเกิดจนถึงเด็กอายุ 3 ปีจำนวน 20 คน ในการนำหอมแดงเหล่านั้นที่ทุบแล้ววางไว้ห่าง ๆ ตัวเด็กเวลานอน เพื่อให้เด็กหายใจเข้าไป เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่ใช้ยา chlorpheniramine syrup นั้นได้ผลดีกว่ามากจนผู้ปกครองมีความพึงพอใจร้อยละ 92.5 เลยทีเดียว ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลไปได้เยอะ แถมยังสะดวกและประหยัดเวลาในการเดินทางไปพบหมออีก อีกทั้งหอมแดงยังช่วยเพิ่มความอยากอาหารแก่แม่ที่ตั้งครรภ์ได้อีกด้วย ถ้ามีอาการแพ้ ยิ่งต้องกินหอมแดงเลย วิธีรักษาหวัด ด้วยหอมแดง 1.หากต้องการแก้คัดจมูก ลดน้ำมูก แนะนำพ่อแม่ให้นำหอมแดงปอกเปลือกล้างน้ำสะอาด แล้วทุบหยาบ ๆ ใส่ผ้าบาง วางไว้บริเวณหัวนอน ที่ห่างจากตัวเสียหน่อยก็ได้ เพื่อให้กลิ่นของหอมแดงเข้าจมูก ลดอาการเหล่านั้นให้หายไป 2.ต้มน้ำอาบ ยิ่งเวลาลูกเป็นหวัด พ่อแม่สามารถนำหอมแดงที่ปอกเปลือกแล้วไปต้มกับน้ำเดือด แล้วนำมาอาบน้ำกับคุณลูกได้เลย เพราะจะเป็นเหมือนการอบไอน้ำไปในตัว เวลาเอาน้ำราดตัวแล้วจะได้กลิ่นของหอมแดง ทำแบบนี้ยิ่งทำให้หายใจได้คล่องและสะดวกมากขึ้น ถ้ามีเวลาว่างพ่อแม่ควรทำจนกว่าลูกจะหายเป็นหวัด หรือถ้าไม่อยากนำไปอาบสามารถนำเทใส่อ่างใหญ่ ๆ แล้วนำผ้าขนอุ่นคลุมหัวพร้อมกับปิดตา เพื่อสูดดมไอน้ำเหล่านั้นและป้องกันไม่ให้แสบตาด้วย ประโยชน์ของหอมแดงไม่ได้มีไว้แค่แก้หวัดเท่านั้น ยังสามารถช่วยลดกลิ่นคาวของอาหาร ลดคอเลสตอรอลในเลือด หรือแม้แต่ช่วยให้การนอนหลับของเราดียิ่งขึ้น แถมยังช่วยบำรุงสมองได้อีกด้วย ลูกจิ๋วแต่แจ๋วจริง ๆ เลย ยังไงพ่อแม่ก็ลองนำไปทำกันดู เพื่อได้ผลจะได้ไม่ต้องเสียเวลาลางานเพื่อพาลูกไปพบคุณหมอ

Read more

การทำงานของสมอง เด็ก 5 เรื่องที่พ่อแม่ไม่เคยรู้

การทำงานของสมอง เด็ก มีความสำคัญอย่างมากในวัยนี้ เนื่องจากเป็นวัยที่มีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ได้ไวและรวดเร็วมาก อีกทั้งสมองยังเปรียบเสมือนเป็นรากฐานในร่างกายของทุกคน ดังนั้นเพื่อให้พ่อแม่ได้ปลูกฝังรากฐานนี้ของลูกให้แน่นและแข็งแร็ง เพื่อเติบโตไปเป็นเด็กที่ฉลาดและมีศักยภาพมากที่สุด โดยให้พ่อแม่ได้ไปรู้จักกับการทำงานของสมองลูกน้อย เพื่อนำไปเป็นประโยชน์ในการเสริมสร้างพัฒนาการลูกกัน 1.การทำงานของสมองเด็ก เริ่มทำงานตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ในช่วงที่คุณแม่เริ่มตั้งท้องลูกได้เพียงแค่ 9 เดือน รู้ไหมว่าลูกของเราเริ่มมีพัฒนาการด้านสมองแล้วนะ เนื่องจากสมองมีการพัฒนาสร้างเซลล์สมองเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากภายใน 2 เดือนแรกที่คุณแม่ตั้งท้อง อีกทั้งยังสามารถรับรสชาติของน้ำคร่ำได้ตั้งแต่อยู่ในท้องในช่วงของเดือนที่ 2-3 และหลังจากนั้นเดือนที่ 4-6 สมองของลูกเริ่มที่จะควบคุมการขยับของร่างกายได้บ้างแล้ว โดยออกมาในรูปแบบของการดิ้นนั่นเอง แถมในช่วงใกล้คลอดอย่างเดือนที่ 7-9 นี้เอง สมองของเด็กเริ่มมีรอยหยักในสมอง สามารถจำเสียงของพ่อแม่ได้ตั้งแต่อยู่ในท้องแล้วด้วย 2.สมองลูกถูกกระตุ้นการเรียนรู้ด้วยการสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการกอดลูก การสัมผัส การให้ลูกดูดนม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการกระตุ้นให้เซลล์สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากการสัมผัสจะไปกระตุ้นให้สมองส่วนไชแนปส์ หรือจุดประสานประสาทให้สร้างเซลล์ในช่องว่างที่มีอยู่ในสมอง ทำให้เส้นใยประสาทในสมองแตกแขนงเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะในปีแรกของลูกน้อยเซลล์สมองจะมีการเจริญเติบโตสูงถึง 90% เลย 3.สมองลูกพัฒนาตามการให้นมแม่ จากการวิจัยของ Lucas A พบว่าการให้นมแม่กับทารกมีผลต่อสมอง โดยเฉพาะในด้านของภาษา ยิ่งให้นมแม่มากเท่าใดสมองของลูกก็จะยิ่งมีพัฒนาการมากขึ้นเท่านั้น เพราะในน้ำนมแม่มีน้ำตาลแล็กโทสสูงถึงร้อยละ 7 ส่วน เมื่อเทียบกับนมทั่วไปที่มีค่าน้ำตาลแล็กโทสเพียงแค่ร้อยละ 4.8 ส่วนเท่านั้น ซึ่งน้ำตาลแล็กโทสนี่จะย่อยไปเป็นน้ำตาลกาแล็กโทสที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของสมองนั่นเอง 4.สมองจะเรียนรู้น้อยลงเมื่อเกิดความเครียด การทำให้ลูกเครียด หรือแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ในด้านไม่ดีต่อหน้าลูกนั้น…

Read more

ลิ้นเป็นฝ้าขาว เกิดจากนมหรือเชื้อรา ..? สิ่งที่พ่อแม่ต้องรู้ให้ทัน

ลิ้นเป็นฝ้าขาว พ่อแม่มักคิดว่าคงเป็นแค่คราบน้ำนมหลังจากลูกกินนมเสร็จแล้วเท่านั้น แท้จริงแล้วมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่พ่อแม่คิดเสมอไป จนทำให้พ่อแม่ละเลยในการตรวจสอบและทำความสะอาดช่องปากให้ลูก ก่อนที่จะกลายเป็นเชื้อราจนต้องพบแพทย์ และใช้เวลารักษายาวนานได้ ลิ้นเป็นฝ้าขาว เกิดจาก คราบน้ำนมที่ไม่ได้เช็คทำความสะอาดหลังจากลูกกินนมแล้ว โดยส่วนมากมักเกิดกับเด็กที่กินนมผงมากกว่านมแม่  เพราะในนมผงมีความเข้มขนมากกว่านมแม่นั่นเอง ซึ่งไม่ได้เกิดเพียงแค่บนลิ้นเท่านั้น ยังสามารถเกาะตามกระพุ้งแก้ม เพดานปาก เรียกง่าย ๆ ว่าเกิดได้ทั่วรอบภายในปากของลูกเลยทีเดียวเชียว ทั้งนี้การที่แม่ปล่อยให้ลูกหลับคาเต้าก็เป็นสาเหตุของการเกิดลิ้นเป็นฝ้าได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากน้ำนมของแม่ยังติดอยู่คาเต้าจึงทำให้เกิดการสะสมของน้ำนมภายในปากลูกได้ หรือหัวนมแม่เป็นเชื้อรา ความแตกต่างของฝ้าน้ำนมกับฝ้าเชื้อรา สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ถ้าเป็นคราบน้ำนมจะเช็คออกไปได้ แต่หากเป็นเชื้อราจะไม่สามารถเช็คออกได้ทันที รวมไปถึงอาการลูกน้อยจะมีอาการงอแง กินไม่ยอมกินนมหรืออาหารเสริม เนื่องจากการสะสมของเชื้อราภายในปากจะทำให้เกิดอาการเจ็บปากนั่นเอง แถมอาการเชื้อรายังเกิดได้จากการอมสิ่งของต่าง ๆ ที่สกปรกได้อีกเช่นกัน วิธีปกป้องการเกิดเชื้อราในปากของลูก คุณแม่สำรวจเต้าตัวเองก่อนให้นมลูกหากเต้านมของตัวคุณแม่เอง มีจุดขาว ๆ บริเวณหัวนม แสดงว่าคุณแม่อาจเป็นเชื้อราที่หัวนมได้ จึงขอให้งดนำลูกเข้าเต้าในขณะนั้น และคุณแม่ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบอาการ ปล.หากไม่เป็นเชื้อราที่หัวนมก็อย่าลืมทำความสะอาดเต้าทุกครั้งก่อนและหลังให้ลูกกินนมด้วย ทำความสะอาดช่องปากของลูก หลังจากกินนมเสร็จแล้ว พ่อแม่ควรทำความสะอาดช่องปากลูก โดยทำความสะอาดไปที่ลิ้น ด้วยผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่น วันละ 1-2 ครั้ง หรือทุกเช้าและก่อนเข้านอน เพื่อลดโอกาสความเสี่ยงในการติดเชื้อรา ใช้ยาป้ายลิ้นขาว คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกซื้อยาป้ายลิ้นขาว นำมาใช้ไปพร้อม ๆ กับตอนทำความสะอาดช่องปากของลูกได้ เพื่อให้คราบฝ้าขาวนั้นหายไป ทำความสะอาดของใช้ลูกให้ดี…

Read more