Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

เด็กแรกเกิดถึง 3 ขวบ

เช็กสุขภาพพี่เลี้ยงหรือยังคะ ?

การเลือกพี่เลี้ยงเด็กซักคนไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากดูนิสัยใจคอว่าน่าไว้วางใจ ใจเย็น ใจดี อดทนกับการดูแลเด็กได้จะไม่ทำร้ายลูกเราแล้ว คุณแม่อย่าลืมดูเรื่องความสะอาดและสุขภาพของคนที่จะมาเป็นพี่เลี้ยงด้วยนะคะ มีโรคติดต่ออะไรบ้าง เด็กเล็กโดยเฉพาะเด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ขวบภูมิต้านทานยังอ่อนจึงมีโอกาสรับเชื้อได้ง่าย เป็นแล้วอาการอาจรุนแรง โรคต่าง ๆ ที่พบว่ามีโอกาสติดได้บ่อยเช่น วัณโรค HIV ซิฟิลิส เริม กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ โลหิตเป็นพิษ ไข้ไทฟอยด์ อหิวาต์ ไวรัสตับอักเสบ โรคติดเชื้อทางผิวหนัง เหา และพยาธิ ฯลฯ ถ้าเป็นพี่เลี้ยงต่างด้าวปรึกษาคุณหมอว่าประเทศนั้น ๆ มักจะมีโรคติดเชื้ออะไรบ้าง แล้วจะทำยังไงดี ในศูนย์พี่เลี้ยงบางแห่งอาจมีใบรับรองการตรวจสุขภาพของพี่เลี้ยง แต่ถ้าไม่มีหรือคุณแม่ไม่มั่นใจก็พาไปตรวจสุขภาพได้ โรงพยาบาลบางแห่งมีแพกเกจตรวจสุขภาพพี่เลี้ยง ถ้าไม่มีลองปรึกษาคุณหมอว่าควรตรวจอะไรบ้าง รวมทั้งรับวัคซีนป้องกันโรค เช่น วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ บี ซี และวัคซีนป้องกันวัณโรค สอนเรื่องความสะอาด มาตรฐานความสะอาดของคุณแม่และพี่เลี้ยงอาจไม่เท่ากันค่ะ สอนให้พี่เลี้ยงเรื่องสุขอนามัยและความสะอาด เช่น ความสะอาดร่างกาย การล้างมือ ไม่กินของร่วมกัน ไอจามปิดปาก…

Read more

การรังแกกันในโรงเรียน ความจริงที่น่าตกใจ

ข่าวคราวเด็กรังแกกันในโรงเรียนมีออกมาเป็นระยะ อย่างล่าสุดรุ่นพี่ม.2 รุมแกล้งน้อง ป.4 นอกจากเล็กกว่ากันหลายชั้นปีแล้วน้องยังเป็นออทิสติก ควรจะได้รับความเห็นอกเห็นใจและการดูแลจากคนรอบข้างด้วยซ้ำค่ะ ภาพความโหดร้ายของรุ่นพี่ซึ่งเป็นเพียงเด็ก ช็อกความรู้สึกคนทั่วไปก็จริง แต่ขณะเดียวกันคนส่วนหนึ่งมองว่าการรังแกกันเป็นเรื่องธรรมดา แค่ชดใช้เงินเพียงเล็กน้อยก็แล้วกันไป อาจต้องตั้งคำถามว่าโรงเรียนแก้ไขปัญหาจริงจังแค่ไหน มองเห็นปัญหาหรือเปล่า และสุดท้ายพ่อแม่มีโอกาสรับรู้บ้างไหมว่าลูกเราถูกรังแก หรือเป็นเด็กที่รังแกเด็กคนอื่นเสียเอง ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตรายงานว่าเด็กไทยถูกรังแกติดอันดับ 2 ของโลก หรือข่าวที่ออกมาว่าหนึ่งในเด็กที่รุมแกล้งเป็นเด็กกตัญญู อาจเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องตั้งคำถามตัวโต ๆ ค่ะว่าสังคมไทยของเราเป็นอย่างไรไปแล้ว เด็กไทยรังแกกันในโรงเรียนติดอันดับ 2 ของโลก รองจากญี่ปุ่น ! สถิติเด็กไทยถูกรังแกถึงปีละกว่า 6 แสนคน ! แม้ยังเป็นเด็กแต่ก็มีรูปแบบการรังแกกันด้วยวิธีรุนแรง โหดร้าย และทารุณ ! เด็กที่รังแกเพื่อนมีตั้งแต่ชั้นอนุบาล ! คนทั่วไปมองว่าการรังแกกันเป็นเรื่องปกติ ! โรงเรียนบางแห่งละเลยปัญหาพยายามปกปิดเพราะห่วงชื่อเสียง ! เด็กที่ถูกรังแกไม่กล้าบอกพ่อแม่หรือครู ! ถ้าพ่อแม่ ครู และสังคมละเลยการรังแกกันของเด็ก เท่ากับเราอาจกำลังสร้างเด็กที่มีปัญหาปีละ 6 แสนคน X 2 ซึ่งเด็กเหล่านี้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่สร้างปัญหาให้กับตัวเองและสังคมในอนาคต ผลร้ายเกิดกับเหยื่อเท่านั้นหรือ…

Read more

บ๊ายบายขวดนมได้แล้วจ้า

พอลูกครบ 1 ขวบหรือขวบครึ่งก็ถึงเวลาให้บอกลาขวดนมที่รักได้แล้ว การดูดนมจากขวดนานเกินไปมีข้อเสียหลายประการ  ตั้งแต่ฟันผุ ฟันยื่น หรือลดโอกาสพัฒนาทักษะการพูดและการใช้มือ รบกวนเวลานอนตอนกลางคืน เพราะยังตื่นมาดูดนมกลางดึก และหูชั้นกลางมีโอกาสอักเสบเนื่องจากนมไหลย้อนเข้าไป โอกาสดีก็วัยนี้ ในวัย 1ขวบถึง 1 ขวบครึ่งลูกเริ่มมีฟันหลายซี่ให้ดูแล และเริ่มจิบน้ำจากแก้วได้คล่อง ที่สำคัญคือเป็นช่วงที่ยอมทำตามคำสั่งได้ง่าย ถ้ายืดเยื้อไปจนใกล้ 2 ขวบ เด็กเริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น การบอกให้เลิกขวดนมยากกว่าวัยนี้ค่ะ ทีละขั้นทีละตอน การตั้งเป้าให้เลิกขวดนมควรเตรียมพร้อมให้ลูกสามารถจิบน้ำจากแก้วได้ สามารถเริ่มฝึกได้ตั้งแต่วัย 6 - 9 เดือน โดยเริ่มจิบน้ำเปล่าก่อน หากทำได้ไม่สำลัก ค่อยลองให้จิบน้ำผลไม้และนมตามลำดับ เมื่อดูแล้วว่าเด็กสามารถดื่มนมจากแก้วโดยไม่สำลัก ค่อยเริ่มกระบวนการเลิกขวดนม ดูว่าลูกยอมรับความเปลี่ยนแปลงยากหรือง่ายและติดขวดนมมากน้อยแค่ไหน เลือกวิธีที่เหมาะกับเขาค่ะ How to : บ๊ายบายแบบหักดิบ เหมาะกับเด็กว่าง่าย ยังดูดนมจากขวดอยู่แต่ไม่ติดมากนัก เช่น ไม่ถือขวดเดินไปมา นอนหลับได้เองโดยไม่ต้องดูดนม เป็นต้น บอกล่วงหน้าไว้บ้าง เช่น “หนูโตแล้วนะ อีกไม่นานน่าจะได้เวลางดขวดนมแล้ว” บอกซ้ำ…

Read more

ของเล่นไม้มีดียังไงนะ ?

เวลาเลือกของเล่นให้ลูกคุณพ่อคุณแม่อย่าลืมของเล่นไม้นะคะ ของเล่นไม้เป็นของเล่นที่มีประโยชน์ช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็ก เพราะฉะนั้นจึงได้รับความนิยมจากคุณพ่อคุณแม่ทั่วโลกมาโดยตลอด แล้วของเล่นไม้มีประโยชน์กับลูกน้อยอย่างไรบ้างเรามาดูกันเลยค่ะ 1.ทนทานไม่ล้าสมัย เป็นของเล่นสุดคลาสสิกถ้าเก็บไว้ดี ๆ ส่งต่อให้ลูกเล่นได้สบายเลยค่ะ ของเล่นไม้แบบพื้นฐานอย่างพวกบล็อกไม้รูปทรงต่าง ๆ เหมาะกับการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กไม่ว่ายุคไหน 2.ปรับตามวัยลูก ตอนลูกยังเล็กอาจสนุกกับการวางต่อกันแค่ 3-5 ชิ้น พอโตเพิ่มจำนวนชิ้นมากขึ้นเด็กจะต่อของเล่นได้ซับซ้อนขึ้น ต่อได้สูงขึ้น ออกมาเป็นรูปร่างตามที่ลูกต้องการ 3.ส่งเสริมจินตนาการ ของเล่นไม้รูปทรงหลากหลาย สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม ทรงกลม ฯลฯ ช่วยให้เด็ก ๆ ได้ฝึกใช้จินตนาการสร้างสรรค์ด้วยการนำรูปทรงต่าง ๆ เหล่านี้มาต่อเป็นรูปร่างตามความคิดของเด็กโดยไม่มีข้อจำกัดค่ะ 4.พัฒนาการใช้มือและตาสัมพันธ์กัน ระหว่างเล่นลูกจะได้ฝึกสายตาจ้องมองของเล่นไปพร้อม ๆ กับการฝึกกล้ามเนื้อแขนมือและนิ้วมือหยิบจับชิ้นของเล่นเพื่อนำไปหยอด เรียง หรือวางต่อกัน 5.ฝึกสมอง ขณะที่ลูกกำลังสนุกเพลิดเพลินสมองของเขากำลังคิดคำนวณ กะระยะ การใช้น้ำหนักมือให้พอดี วางแผนว่าจะต่อหรือวางชิ้นไม้อย่างไร ได้คิดแก้ปัญหา เช่น ถ้าวางแล้วล้มจะแก้อย่างไร ของเล่นไม้ไม่ธรรมดาเลยนะคะ มีประโยชน์ต่อลูกน้อยมากกว่าที่คิด หาซื้อง่ายแล้วราคายังไม่แพงด้วยค่ะ Tips -วิธีเลือกของเล่นไม้ให้ลูก เลือกไม้แท้จะปลอดภัยกับลูก…

Read more

Checklist ลูกเป็นสมาธิสั้นหรือเปล่า ?

หากสงสัยว่าลูกจะเป็นสมาธิสั้นหรือเปล่าลองสังเกตอาการดูค่ะ อาการของเด็กสมาธิสั้น ตามเกณฑ์วินิจฉัยของ DSM-5 (Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders) 1.อาการขาดสมาธิ ไม่สามารถทำงานที่ครูหรือพ่อแม่สั่งจนสำเร็จ ขาดสมาธิในขณะทำงานหรือทำกิจกรรมอื่น ดูเหมือนไม่ค่อยฟังเวลาพูดด้วย ไม่สามารถตั้งใจฟังและเก็บรายละเอียดได้ ทำให้ทำงานผิดพลาดบ่อยๆ ไม่ค่อยเป็นระเบียบ พยายามหลีกเลี่ยงงานที่ต้องใช้ความคิดหรือสมาธิ วอกแวกง่าย ทำของใช้ส่วนตัวหรือของใช้ที่จำเป็นหายอยู่บ่อยๆ ขี้ลืม 2. อาการซน อยู่ไม่นิ่ง และอาการหุนหันพลันแล่น ยุกยิก อยู่ไม่สุข นั่งไม่ติดที่ ลุกเดินบ่อยๆ ชอบวิ่ง ปีนป่าย เล่นเสียงดัง ตื่นตัวตลอดเวลา พูดมาก พูดโพล่งโดยยังฟังไม่จบ รอคอยไม่เป็น มักจะขัดจังหวะหรือแทรกเวลาผู้อื่นพูด หากมีอาการในข้อ 1 หรือ 2 มากกว่า 6 อาการขึ้นไป โดยที่อาการเกิดก่อนอายุ 12 ปี  ซึ่งอาจมีลักษณะเด่นเฉพาะ 1 หรือข้อ 2 หรือทั้งสองข้อ มีโอกาสที่จะเป็นโรคสมาธิสั้นได้ค่ะ ข้อมูลจาก…

Read more

9 วิธีสร้างลูกฉลาดอารมณ์ดี

สร้างลูกฉลาดมีหลากหลายวิธี ลองมาดู 9 วิธีต่อไปนี้ค่ะ 1.มองตา…ส่งยิ้ม เมื่อลูกลืมตาตื่นขึ้นปุ๊บ คุณพ่อคุณแม่คอยสบสายตาลูกน้อยสักพัก ทำบ่อย ๆ ลูกจะจดจำใบหน้าพ่อแม่ได้ ซึ่งก็เป็นใบหน้าที่ลูกอยากเห็นอยากจำมากที่สุด 2.กินนมแม่..ลูกฉลาดแน่มาตอกย้ำกันอีกสักครั้งกับประโยชน์ของนมแม่ ยิ่งให้ลูกกินนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งทำให้ลูกมีไอคิวและอีคิวสูงกว่าเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ แล้วที่สำคัญทั้งลูกและแม่ยังรู้สึกอบอุ่น รักกันมากที่สุดอีกด้วย 3.ทำตลก..ลูกคึกคัก อย่าคิดว่าทารกแรกเกิดมองเห็นไม่ชัดหรือไม่รู้จักสีหน้าของคนที่อยู่ใกล้ชิดนะคะ ลองทำหน้าตลก ๆ ให้ลูกดู รับรองว่าไม่กี่ทีลูกน้อยเลียนแบบได้แน่ ๆ ค่ะ 4.ส่องกระจก..เพิ่มเสียงหัวเราะเด็กเล็ก ๆ ชอบเล่นกับกระจกเงาทุกคน เขาจะสนุกกับการเห็นหน้าตัวเอง หน้าพ่อแม่ที่ยิ้ม หัวเราะ โบกมือ เพราะภาพข้างหน้าจะทำตอบกลับมาให้ทุกครั้งนั่นเอง 5.จั๊กจี๋..เรียกเสียงหัวเราะเริ่มต้นจากปูไต่ ลูกน้อยฝึกการคาดเดาจากการสัมผัส รู้สึกจั๊กจี๋ก็ทำให้อารมณ์ดี หัวเราะออกมา เป็นการเสริมสร้างเรื่องอีคิวให้ลูกได้อีกทาง 6.เดินเล่นนอกบ้าน..สบายอารมณ์เช้าหรือเย็น แดดอ่อนลมโชยเบา ๆ พาลูกน้อยสำรวจรอบบ้าน จะเป็นต้นไม้ใบหญ้า นกบินผ่าน แมวกระโดด เสียงหมาเห่า คุณพ่อคุณแม่ชี้ให้ลูกมองตาม…

Read more

4 เมนูเด็ดบำบัดอาการลูก : ไอ เจ็บคอ มีเสมหะ

อาหารมีส่วนช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงได้แม้ในยามเจ็บป่วย  ขอแนะนำ 4 เมนูช่วยบำบัดอาการ ไอ เจ็บคอ และมีเสมหะค่ะ 1.ซุปฟักทอง หรือผัดฟักทอง สีเหลืองนวลของเนื้อฟักทองนั้นมีสารเบต้าแคโรทีนที่จะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ซึ่งช่วยทำให้เนื้อเยื่อของเมือกบุในลำคอและทางเดินหายใจมีความแข็งแรง และช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย 2.ปลาแซลมอนอบผักรวม วิตามินดีจากไขมันปลาแซลมอนจะช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อในลำคอ นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยผักสารพัด คุณแม่อาจปรุงด้วยซูกินี สควอชเหลือง และมะเขือเทศ เพิ่มความเปรี้ยวด้วยน้ำเลมอนก็จะทำให้ไม่เลี่ยนได้ 3.สลัดกรีกอะโวคาโด วิตามินอีในผลอะโวคาโดและอาหารที่ปรุงด้วยน้ำมันพืช เช่น น้ำมันมะกอก จะช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อที่ถูกเชื้อโรคทำลายให้แข็งแรง 4.ผลไม้อุดมวิตามินซี ช่วยลดอาการเจ็บคอ เช่น ส้ม สับปะรด เสาวรส มะละกอ แคนตาลูป เงาะ แอปเปิ้ล สตรอเบอร์รี ลิ้นจี่ พุทรา ส่วนเครื่องดื่ม เช่น น้ำมะตูมแก้ร้อนใน ดับกระหาย ชุ่มคอ น้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งบรรเทาอาการไอ เจ็บคอ ช่วยขับเสมหะ อาหารควรเลี่ยงอาหารประเภททอด หรือของหวาน เช่น กะทิ โค้ก โดนัท ช็อกโกแลต จะกระตุ้นให้ยิ่งมีเสมหะและอาการไอเพิ่มขึ้น

Read more

ทำไมต้องเลี้ยงลูกให้ซน ?

การเล่นซนมีความสำคัญกับเด็กมากกว่าที่คิดค่ะ เด็ก ๆ สมัยนี้อาจมีโอกาสออกกำลังกายหรือวิ่งเล่นซนน้อยลงเพราะอยู่หน้าจอมากขึ้น ถ้าลูกยังเล็กคุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งให้เขาเล่นโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือดูโทรทัศน์ นอกจากจะดึงเขาออกมาจากหน้าจอยากแล้ว ลูกยังไม่ได้ทำกิจกรรมที่สร้างความแข็งแรงและเติบโตตามวัย เด็กเล็กโดยเฉพาะวัย 1- 3 ขวบความจริงแล้วเป็นวัยที่เขาจะต้องวิ่งเล่นสำรวจโลกและซน เพื่อเจริญเติบโต แขนขามีกล้ามเนื้อ เมื่อร่างกายแข็งแรงจะมีภูมิต้านทานโรค ไม่เจ็บป่วยบ่อย การได้วิ่งเล่นภายใต้แสงแดดอ่อนยังช่วยให้รับวิตามินดีเพื่อดูแลกระดูกและกล้ามเนื้อ การที่เด็ก ๆ ได้เล่นซนจะช่วยให้เรียนรู้โลกรอบตัว เรียนรู้การป้องกันตัวว่าจะทำยังไงไม่ให้หกล้มแล้วก็แก้ปัญหาทักษะชีวิตเป็น เขาได้อยู่ในโลกจริงไม่ใช่อยู่ในโลกเสมือน เวลาลูกซนหรือป่วนคุณแม่อาจจะรู้สึกว่าไม่ไหวแล้วยื่นมือถือหรือแท็บเล็ตให้ลูกดีกว่าจะได้อยู่นิ่งบ้าง ลองหาตัวช่วยอื่นดีกว่าค่ะ ที่จะทำให้ลูกมีพัฒนาการทางร่างกายแและพัฒนาการด้านต่าง ๆ ควรเลี่ยงให้ลูกอยู่กับมือถือแท็บเล็ตทีวีตั้งแต่ยังเล็ก เพราะจะทำให้ลูกขาดพัฒนาการหลายด้าน ทั้งด้านสังคม ภาษา การเจริญเติบโต ความแข็งแรง การอยู่นิ่งของลูกไม่คุ้มกับสิ่งที่เขาเสียไปค่ะ

Read more

สังเกต 10 อาการลูกแพ้กลูเตน

กลูเตนคือโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบในข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และข้าวไรย์ ค่ะ ซึ่งผู้ที่แพ้มักจะรับประทานกลูเตนจากขนมปัง และอาหารอื่น ๆ เช่น บะหมี่ พาสต้า อาการต้องสงสัย  ท้องผูก ท้องอืด หรือท้องเสีย หลังกินอาหารที่มีกลูเตน มีปัญหาผิวหนัง สมองตื้อ เหนื่อย อ่อนเพลีย เป็นโรคแพ้ภูมิแพ้ตัวเอง เช่น ต่อมไทรอยด์เรื้อรังเรื้อรัง โรคไขข้ออักเสบ โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผลเรื้อรัง ฯลฯ เวียนศรีษะ หรือ เสียการทรงตัว ปวดศีรษะ โรคไมเกรน ปวดกล้ามเนื้อ อักเสบ บวม และปวดบริเวณข้อต่อ เช่น ข้อนิ้ว หัวเข่า หรือสะโพก อารมณ์แปรปรวน วิตกกังวล ซึมเศร้า สมาธิสั้น ขาดสารอาหาร โลหิตจาง น้ำหนักลดทั้งที่กินได้ วิธีป้องกัน หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำจากแป้งที่มีกลูเตน แม้กินเพียงนิดก็ทำให้แพ้ได้ บางรายเพียงแค่สัมผัสอาหาร หรือสิ่งที่มีกลูเตนก็ก่อให้เกิดอาการได้ แจ้งทางโรงเรียน…

Read more

สีอึลูกบอกอะไรบ้าง ?

คุณแม่ที่มีลูกคนแรกอาจกังวลใจในสีอึของลูกได้ค่ะ มีทั้งเหลือง เขียว น้ำตาล ดำ ฯลฯ สงสัยใช่มั้ยคะว่าสีแบบไหนปกติและแบบไหนไม่ปกติจะได้ดูแลแก้ไขทันท่วงที มาดูสีต่าง ๆ กันค่ะว่าหมายถึงอ ะไรบ้าง ดำหรือเขียวเข้ม หรือขี้เทา ในช่วง 1-3 วันแรกของทารกแรกเกิดอึจะมีลักษณะเหนียวหนืด สีเข้ม แต่ถ้าหลังจาก 3 วันไปแล้วยังเป็นสีนี้อยู่หรือกลับมาเป็นสีนี้อีกแสดงว่าไม่ปกติ น้ำตาลสีเขียวอมน้ำตาล เป็นสีอึปกติของลูก ถ้าลูกกินนมผสมอึจะเป็นสีเข้มและเหนียวกว่ากินนมแม่ เขียว หรือสีเขียวปนน้ำตาล ในช่วงวันที่ 4-7 หลังคลอดลูกจะมีสีนี้ได้ และอาจจะเป็นสีนี้ได้จากอาหารที่คุณแม่รับประทาน เช่น คุณแม่รับประทานผักสีเขียวมาก หรือลูกถึงวัยเริ่มอาหารเสริมนอกจากนม เหลือง สีเหลืองคล้ายฟักทอง หรือมัสตาร์ด เนื้อนุ่มเนียนมีลักษณะเหลว เป็นสีอึปกติของทารก เด็กที่ดื่มนมแม่เพียงอย่างเดียวจะมีอึสีนี้ ขาว สีขาวซีดคล้ายสีชอล์กเป็นสีที่ไม่ปกติแสดงถึงว่าตับและถุงน้ำดีของลูกอาจผิดปกติก็เป็นได้ ควรรีบพาไปพบแพทย์ แดง อาจเกิดจากท้องผูก หรือระคายเคืองในลำไส้ มีเลือดปนมากับอึหรือเกิดจากสาเหตุอื่น ควรรีบพาไปพบแพทย์ นอกจากสีแล้วคุณแม่สังเกตลักษณะของอึที่ไม่ปกติได้อีกค่ะ…

Read more