ตั้งแต่มีลูก เวลาผ่านไปเหมือนติดปีก ไม่ว่าจะปิดเทอมหรือเปิดเทอม ช่วงปิดเทอมใหญ่ที่ผ่านมาอยู่กับลูกเหมือนเป็นคู่แฝด แม่อยู่ไหน ลูกอยู่นั่น ทำอะไรก็ต้องมีลูกข้างกายตลอดเวลา จนอดสงสัยไม่ได้ว่ายุ่งอะไรนักหนานะชีวิตนี้ พอลูกเปิดเทอมก็คิดว่าจะสบายตัวขึ้นมาบ้างช่วงกลางวันแต่ก็นะคนทำงาน มีงานเข้ามาอยู่ตลอดเวลา ทำนี่เสร็จ งานใหม่ก็เข้ามา ทั้งนอกบ้านในบ้าน ตกเย็นก็มีเพิ่มอีกหน้าที่ คือ เป็นคุณครูสอนการบ้าน จนลืมอะไรไปบางอย่าง
- ลืมความละเอียดอ่อนของคนรอบข้างคนใกล้ชิด
คนในครอบครัวไม่ได้มีหน้าที่เหมือนเราบางอย่างก็ทำแทนกันไม่ได้แต่เรากลับอารมณ์เสียใส่
- ลืมจัดสรรเวลา
ว่าเวลาน่ะมี อยู่ที่เราจัดการดีพอหรือยังงานยุ่งไม่ใช่ข้ออ้างสำหรับการมีเวลาให้คนรอบตัวที่เรารัก และตัวเราเอง
- ลืมนึกถึงอนาคต
ว่าเราไม่ได้มีชีวิตอยู่แค่วันนี้กับพรุ่งนี้ แต่เราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น อย่างน้อยก็เพื่อลูก ฉะนั้นต้องดูแลสุขภาพของตัวเองด้วย
- ลืมที่จะปล่อยวาง
ว่าบางอย่างเราต้องไว้ใจ วางใจปล่อยให้คนอื่นทำบ้าง ถึงไม่ได้ดั่งใจก็ต้องรู้จักมองผ่าน ไม่เช่นนั้นก็เหนื่อยอยู่คนเดียวแบบนี้
- ลืมสร้างความสุขในเรื่องง่ายๆ
สิ่งที่ให้ความสุขกับชีวิตอยู่รอบตัวเราง่ายๆ เช่น เก็บบ้านที่รกรุงรังทีไร ก็จะเจอของที่หายไปที่เรียกรอยยิ้มได้ทุกที ฉะนั้นการเก็บบ้านก็ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป
- ลืมอารมณ์ขัน
หามุขตลกให้กับตัวเอง และคนข้างๆ เพราะมัวแต่อารมณ์เสียกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น ทำไมไม่ถอดถุงเท้าให้เป็นที่ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นว่า ใครถอดถุงเท้าใส่ตะกร้าเรียบร้อยได้จุ๊บจากแม่คนละจุ๊บ
แล้วก็อาจจะลืมอีกหลายๆ อย่างทำให้เราพลาดอะไรที่สำคัญไปก็ได้ จึงต้องคอยคิดทบทวนตัวเองอยู่เสมอว่าจงมองความสุขจากสิ่งเล็กๆ เพื่อไม่ให้เรา ‘ลืม’ ความสำคัญของสิ่งเล็กน้อยนี้ไป