โรงเรียนประถมโรแลนด์ ในรัฐแมนิโทบา แคนาดา มีกิจกรรมให้เด็กๆ ได้เคลื่อนไหวระหว่างเดินไปเข้าชั้นเรียน โดยใช้แผนกิจกรรมหลากสีสันบนพื้นและผนังของทางเดินอาคารเรียน ที่จะช่วยให้เด็กได้กระโดด คลาน และเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ในร่างกายตามห้องโถง มีมีป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ ให้ปฏิบัติตาม
แบรนดี้ ชีวาลิเยร์ ครูใหญ่ ร.ร.โรแลนด์ กล่าวว่า โรงเรียนของเราเน้นเป็นอย่างมากในเรื่องความรู้และการคำนวณ แต่เราก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องร่างกายและสุขภาพด้วย โดยหากครูในชั้นเรียนสักเกตว่านักเรียนมีอาการอยู่ไม่สุขหรือไม่มีสมาธิ จะให้นักเรียนออกมาวิ่งเล่นสองสามรอบ ซึ่งมันได้ผล
ซีวาลิเยร์ กล่าวอีกว่า เราหวังว่านี่จะเป็นมาตรการป้องกันพฤติกรรมบางอย่าง ที่อาจเกิดขึ้นโดยที่เด็กไม่สามารถควบคุมตนเองได้ในชั้นเรียน
ทั้งนี้ ในปี 2556 ทั่วโลกมีค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่เกิดจากการไม่ออกกำลังกาย มีมูลค่าสูงถึงเกือบ 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 3 เปอร์เซนต์ 3 เปอร์เซนต์ของค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขของแคนาดา ซึ่งยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากปัญหาสุขภาพจิต
ที่มา : CBC News
ในหลายประเทศทั่วโลกมีกฎหมายบังคับใช้คาร์ซีทเพื่อดูแลความปลอดภัยของเด็กหากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์สำหรับประเทศสิงคโปร์กฎหมายกำหนดว่าเด็กที่มีความสูงน้อยกว่า 135 ซ.ม.แล้วไม่นั่งคาร์ซีทขณะเดินทางบนท้องถนนถือว่าผู้ใหญ่ที่ดูแลฝ่าฝืนต่อข้อบังคับของกฎหมาย มีความผิดค่พ
คาร์ซีทในรถโรงเรียนนานาชาติ
ที่น่าทึ่งก็คือนอกจากในรถยนต์แล้ว รถรับส่งของโรงเรียนในประเทศสิงคโปร์ก็มีการใช้คาร์ซีทด้วย ถ้าไม่ได้เห็นภาพเราอาจจะนึกไม่ออกว่าคาร์ซีทแต่ละที่นั่งมีขนาดใหญ่ จะนำไปติดตั้งในรถโรงเรียนให้ครบตามจำนวนเด็กได้อย่างไร
ราคาของคาร์ซีทใช่ว่าจะถูก โรงเรียนจะยอมทุ่มทุนเชียวหรือ
แต่ว่าโรงเรียนนานาชาติ Stamford American International School ทำได้ แล้วเขาทำได้อย่างไร ?
คาร์ซีทพกพาคือคำตอบ
ถ้าใช้คาร์ซีททั่วไปติดตั้งในรถโรงเรียนคงเป็นไปไม่ได้แน่ โรงเรียนนานาชาติแห่งนี้จึงเลือกใช้คาร์ซีทพกพาที่เล็กที่สุดในโลกของ Mifold ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าคาร์ซีททั่วไป 10 เท่า เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับเด็กนักเรียนหากเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทาง
Mifold เล็กแต่เวิร์ก
รูปร่างหน้าตาของคาร์ซีทพกพา Mifold มีลักษณะเป็นแค่กล่องแบน ๆ เล็ก ๆ ทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ปรับระดับสายเข็มขัดนิรภัยให้ลงมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมโดยไม่ต้องมีเก้าอี้นั่ง ที่น่าสนใจก็คือสามารถนำไปติดตั้งไว้บนรถคันไหนก็ได้ รถบัส รถแท็กซี่ รถตู้ หรือขึ้นรถคันอื่นก็พกพาไปใช้ได้เพื่อดูแลความปลอดภัยให้เด็ก ๆ หากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ส่วนเรื่องความปลอดภัย ถึงแม้ว่าจะมีราคาถูกมาก…
ที่ประเทศญี่ปุ่น เด็กนักเรียนเกือบทุกคนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาขึ้นไป มักจะเดินทางไปโรงเรียนเอง ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนของโรงเรียนรัฐบาลหรือเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนที่เรียนโรงเรียนรัฐบาล ซึ่ง เด็กส่วนใหญ่ของประเทศ ต้องเดินไปกลับโรงเรียนเอง แม้ว่าวันที่มีการเรียนการสอนจะเป็นวันที่ฝนตกหนัก หรือหิมะตก
ในเมืองใหญ่อย่างกรุงโตเกียว แม้ว่าหลายครอบครัวจะมีรถยนต์ แต่ผู้ปกครองก็จะไม่นำรถยนต์มาใช้หากไม่จำเป็น ดังนั้นทุกคนในครอบครัวจะเดินเท้าไปยังสถานีรถไฟหรือป้ายขึ้นรถบัสประจำทาง
และเหตุผลที่คนญี่ปุ่นเลือกที่จะให้เด็กนักเรียนเดินทางด้วยตัวเอง มีอยู่ด้วยกัน 6 ข้อ ได้แก่
1. แก้ปัญหาการจราจรยามเช้า ที่ผู้ปกครองจะมาส่งลูกๆ บริเวณโรงเรียน
2. ลดเวลาและภาระของผู้ปกครอง ในการส่งลูกที่โรงเรียน ตอนเช้า
3. ฝึกวินัยและความตรงต่อเวลา ซึ่งถ้าเด็กคนไหนช้า เพื่อนๆ ก็จะต้องรอหน้าบ้านจนกว่าจะลงมาแล้วเดินไปพร้อมกัน เพราะคงไม่มีใครอยากให้เพื่อนรอ
4. ส่งเสริมความสัมพันธ์ให้เด็กๆ ในละแวกบ้านเดียวกันได้รู้จักกัน ช่วยเหลือและไม่ทิ้งกัน
5. สร้างความรับผิดชอบ โดยเด็กนักเรียนโตกว่า จะต้องเป็นผู้ดูและเด็กเล็กในการเดินทางไปและกลับจากโรงเรียนด้วยกัน ทำให้เด็กมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
6.ฝึกให้รู้จักการทำงานเป็นทีม ความสามัคคี สร้างอุปนิสัยที่ดีต่อชีวิตการงานในอนาคต