Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

Knowledge

ความรู้ ทั้งอัพเดท และ How to การเลี้ยงดูลูก รวมถึงการดูแลตัวเอง ฉบับคุณแม่ คุณพ่อ ยุคใหม่ ที่ครบคลุมตั้งแต่ ช่วงตั้งครรภ์ จนถึง ลูกอยู่ในวัยประถม

7 เหตุผลพ่อแม่เป็นของเล่นที่ดีที่สุดของลูก

การเล่นสำหรับเด็กแล้วมีความสำคัญอย่างยิ่งค่ะ เพราะพัฒนาการทั้งทางร่างกายจิตใจและสติปัญญาของลูกล้วนผ่านการเล่นของเขา เด็กต้องการความรักความเอาใจใส่ คุณพ่อคุณแม่สามารถเล่นกับลูกได้ตั้งแต่แรกเกิด การเล่นกับลูกบ่อย ๆ จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านต่าง ๆ หลายด้าน คุณพ่อคุณแม่เล่นกับลูกด้วยวิธีการเล่นแบบง่าย ๆ เช่น ยิ้มให้ลูก พูดคุย เล่นจ๊ะเอ๋ อุ้มเล่านิทาน ร้องเพลงให้ลูกฟัง หรือหาของเล่นที่เหมาะสมกับวัยมาเล่นกับเขา 1.พัฒนาการทางสายตา เด็กเล็กแรกเกิดมองเห็นแค่ระยะสั้น การเห็นใบหน้าแม่ใกล้ชิดลูกจะได้ฝึกสายตา 2.กระตุ้นพัฒนาการทางร่างกาย มือลูกได้จับคว้า แขนขาเคลื่อนไหวขณะเล่น 3.ช่วยพัฒนาการด้านสติปัญญาและอารมณ์ ขณะเล่นลูกกำลังฝึกฝนการใช้ความคิดและเหตุผล และเมื่อลูกสนุกเขาจะเป็นเด็กอารมณ์ดีมีความสุขสมองพร้อมเรียนรู้ 4.ช่วยสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูก เกิดความรักความผูกพันใกล้ชิด 5.ช่วยกระตุ้นความจำ จดจำใบหน้าคุณพ่อคุณแม่คนในครอบครัว จดจำสิ่งของได้ 6.กระตุ้นพัฒนาการด้านภาษา คุณพ่อคุณแม่ที่พูดคุยกับลูกบ่อยลูกจะเรียนรู้ด้านภาษาได้เร็ว เพิ่มคำศัพท์ได้มาก 7.กระตุ้นพัฒนาการทางสังคม ลูกเรียนรู้ว่าจะแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบแบบไหนกับคนอื่น ดูลูกอารมณ์ลูกสักนิดว่าเขาพร้อมมั้ย ถ้าพร้อมหน้าตาลูกจะสดใสคึกคัก ถ้าง่วงเหนื่อยหรืออารมณ์ไม่ดีควรให้เขาพักหรือปลอบโยน อารมณ์ดีค่อยชวนเขาเล่นค่ะ

Read more

5 ของเล่นเด็ดกระตุ้นพัฒนาการวัยทารก

การเรียนรู้โลกรอบตัวเกิดของเด็กจากการเล่นค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการมอง การใช้มือไขว่คว้า คืบคลานเพื่อเข้าหาสิ่งที่ต้องการ การเอื้อมมือหยิบจับ เตะถีบขาน้อย ๆ ของเขา ในวัยทารกจนถึงช่วงขวบปีแรกจะมีของเล่นชนิดใดบ้างที่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการของลูกได้ดีเรามาดูกันเลยค่ะ ของเล่นมีสีสันสดใส สีสด ๆ จะกระตุ้นการมองเห็นของเด็กได้ดี ช่วงเดือนแรก ๆ เด็กจะเห็นสีขาวดำชัดเจนที่สุดคุณพ่อคุณแม่อาจหาโมบายล์สีขาวดำแขวนไว้เหนือเตียงของลูก ของเล่นมีเสียง หรือเมื่อลูกจับ ตี เขย่าแล้วมีเสียงจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านการฟัง การไขว่คว้าของลูกจะเป็นการฝึกฝนการทำงานระหว่างมือกับตาร่วมกัน ของเล่นที่มีผิวสัมผัสหลายแบบ จะช่วยเสริมพัฒนาการด้านสัมผัสให้ลูกเรียนรู้ว่าสิ่งของแต่ละอย่างมีผิวสัมผัสแตกต่างกัน อาจเป็นของเล่น ตุ๊กตานุ่มนิ่ม ลูกบอล บล็อกไม้ และของเล่นลอยน้ำช่วยการเรียนรู้ผิวสัมผัสของน้ำ หรือหาของในบ้านที่คุณพ่อคุณแม่มั่นใจว่าปลอดภัยให้ลูกสัมผัสได้ หนังสือนิทานที่เหมาะกับวัย ปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน เสริมการเรียนรู้ด้านภาษาเพิ่มคำศัพท์ และยังเสริมสร้างจินตนาการให้ลูก กล่องใส่ชิ้นรูปทรง ให้ลูกเรียนรู้รูปทรงต่าง ๆ ทั้ง กลม สี่หลี่ยม สามเหลี่ยม แบน  ฯลฯ ความเข้าใจเกี่ยวกับรูปทรงจะเป็นการปูพื้นฐานการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์และเรขาคณิตให้ลูกค่ะ น่ารู้ การเล่นกับลูกช่วยเสริมพัฒนาการได้ดีที่สุด อย่าทิ้งลูกไว้กับของเล่นเท่านั้น เพราะจะไม่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านการสื่อสาร สังคม และด้านความสัมพันธ์ ไม่จำเป็นต้องเล่นกับลูกตลอดเวลาถ้าเขากำลังเพลิดเพลินอยู่คนเดียวสามารถปล่อยเขาได้ คุณแม่คอยดูอยู่ก็พอค่ะ

Read more

เนื้อสัตว์เริ่มหม่ำเมื่อไหร่ดี ?

ลูกอายุ 6 เดือนขึ้นไปคุณแม่สามารถให้ลูกเริ่มหม่ำอาหารเสริมเพิ่มเติมจากการกินนม พออายุประมาณ 7 เดือนก็ลองให้เริ่มเนื้อสัตว์ ลูกช่วงวัยนี้ต้องการอาหารเพิ่มพลังขึ้นอย่างโปรตีน แต่ก่อนจะทำเมนูเนื้อสัตว์ให้ลูกหม่ำ มีข้อแนะนำมาฝากค่ะ อาหารมื้อแรก ๆ ที่ลูกได้ลองชิมควรเริ่มจากข้าว ตามด้วยผัก และเนื้อสัตว์ การให้อาหารแต่ละชนิด ควรเริ่มจากทีละน้อย เช่น 1 ช้อนก่อน ค่อย ๆ เพิ่มเพื่อป้องกันการแพ้ ควรเริ่มที่เนื้อสัตว์ย่อยง่ายและบดง่ายอย่างเนื้อปลาก่อน ถัดไปค่อยเป็น เนื้อไก่ และหมู เลือกปลาน้ำจืดก่อนเพื่อป้องกันลูกแพ้ บดหรือสับละเอียด ทำทีละน้อยไม่ควรค้างคืน เลือกก้างหรือกระดูกและหนังออกให้หมด เนื้อปลาใช้มือล้างสะอาดแล้วบี้ดูว่ามีก้างหลงเหลือ สังเกตดูอาการลูกว่าแพ้อาหารหรือไม่ เช่น ผื่นขึ้น ท้องเสีย หายใจไม่สะดวก มีเสียงครืดคราด ฯลฯไม่ยุ่งยากเลยใช่มั้ยคะ เพียงแค่ใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆเท่านั้นเองค่ะ

Read more

4 เรื่องต้องระวัง ช่วงหน้าฝน

หน้าฝนแวะเวียนมาทีไร คุณแม่มักจะเป็นกังวลกับสุขภาพของลูกน้อยเป็นพิเศษ มีเรื่องใดต้องระวังบ้างมาดูกันเลยค่ะ 1.หวัด เด็กเล็กมีโอกาสเป็นหวัดง่าย ไอ มีน้ำมูก หายใจครืดคราดอยู่บ่อย ๆ การให้ลูกดื่มน้ำหรือนมมากขึ้นช่วยได้ ถ้าไม่ได้มีน้ำมูกมากควรหลีกเลี่ยงการกินยาค่ะ วิธีลดน้ำมูก แม้ว่าภายในรูจมูกของลูกเป็นส่วนที่บอบบาง ไม่ควรมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปสัมผัส แต่หากมีความจำเป็นควรดูแลอย่างถูกวิธี เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน อาจใช้ก้านสำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดภายในรูจมูก แต่อย่าเข้าไปลึกเพราะอาจเป็นอันตรายได้ เด็กที่โตหน่อย ใช้ลูกยางดูดน้ำมูก โดยทำความสะอาดลูกยางด้วยน้ำและสบู่ บีบน้ำออกให้หมด เวลาใช้บีบกระเปาะยางให้แบนแล้วสอดเข้าไปในรูจมูกแล้วค่อย ๆ คลายมือที่บีบออกเบา ๆ เพื่อดูดน้ำมูก ใช้เสร็จแล้วควรทำความสะอาดและผึ่งลมให้แห้ง 2.ผดผื่นตอแย เชื้อโรคมักเติบโตได้ดีในอากาศอับชื้นนำมาสู่ปัญหาผดผื่นได้ ดูแลและป้องกัน ดูแลของใช้ลูก อย่างผ้าอ้อม เสื้อผ้า หรือผ้าห่มไม่ให้อับชื้น ก่อนเก็บผ้าให้จับดูว่าส่วนไหนยังชื้นอยู่ควรตากแดดให้แห้งหรือรีดให้หายชื้น ถ้าใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปต้องหมั่นเปลี่ยนเสมอ เพราะมีโอกาสทำให้เกิดผดผื่นได้มากกว่าผ้าอ้อมผ้า ถ้าลูกคันทาคาลามายน์เพื่อช่วยบรรเทา อย่าให้เกาเด็ดขาด ถ้ามีทีท่าว่าจะลามไม่หยุด ควรไปพบคุณหมอ 3. แมลง กัด ต่อย …

Read more

5 วิธีจัดการเมื่อลูกกินแต่ขนม

คุณแม่มักมีความสุขที่เห็นลูกกินได้ แต่ดีใจได้ไม่เท่าไหร่ก็มานั่งกลุ้มเพราะของที่ลูกกินมีแต่ขนมกรุบกรอบ ลูกอม ช็อกโกแลต เยลลี่ คุกกี้ ขนมเค้ก ไอศกรีม ฯลฯ ที่มีแต่แป้ง ไขมัน น้ำตาล เกลือที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคสารพัด แล้วจะทำอย่างไรดีลูกกินแต่ขนม เรามี 5 วิธีแก้ไขมาฝากค่ะ 1.จัดสรรเวลา ควรจัดสรรเวลาอาหารของลูก ไม่ควรให้ลูกกินขนมก่อนกินอาหารมื้อหลัก เพราะจะทำให้ลูกอิ่มจนไม่อยากกินข้าว 2.จัดปริมาณ ไม่ปล่อยให้ลูกกินขนมไปเรื่อย ๆ แม้ว่าจะอย่างละนิดอย่างละหน่อยก็ตาม ตกลงกับลูกว่าสามารถกินขนมในปริมาณมากน้อยแค่ไหน 3.จัดผลไม้แทนขนม ไม่ควรมีขนมเก็บไว้ในบ้านมากเกินไป เตรียมของว่างที่มีประโยชน์หรือผลไม้ไว้แทนขนมจะดีต่อสุขภาพของลูกมากกว่า 4.จัดให้นาน ๆ ครั้ง สำหรับเด็กที่เคยติดใจในรสชาติขนมไปแล้ว การห้ามกินขนมค่อนข้างทำร้ายจิตใจเด็ก ให้ลูกกินได้ในปริมาณที่เหมาะสม หรือกินบ้างนาน ๆ ครั้ง 5.จัดพฤติกรรมของพ่อแม่ คุณพ่อคุณแม่ควรทำตัวเป็นต้นแบบที่ดีในเรื่องการกิน ทั้งไม่กิน และไม่ซื้อแต่ขนม แต่เลือกกินของที่มีประโยชน์ พยายามสร้างความคุ้นเคยในการกินอาหารที่มีประโยชน์ตั้งแต่เล็ก ๆ เพื่อสุขภาพของลูกค่ะ

Read more

ระวัง ! อันตรายจากการนอนกรน

การนอน เป็นสิ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเบบี๋ ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสมอง ค่ะ การนอนกรนดูเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่บางกรณีอาจเป็นอันตรายได้ค่ะ แล้วลูกเรานอนกรนหรือเปล่า ถ้ายังไม่แน่ใจ ควรสังเกตการนอนของลูก ดูว่านอนกรนหรือไม่ เพราะจากการศึกษาพบว่า 20 % ของเด็กมีอาการนอนกรน โดย 7 - 10 % มีอาการนอนกรนทุกคืน เด็กหลายคนนอนกรนแต่ก็มีสุขภาพดี แต่พบว่าราว 2% มีปัญหาขณะหลับ คือ มีปัญหาหายใจลำบาก อาจเกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น รู้จักภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea Syndrome : OSAS) ภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นมักเกิดจากช่องคอที่แคบลงและปิดในระหว่างหลับ ทำให้เด็กมีอาการหายใจเสียงดัง หายใจหอบ สะดุ้ง สำลัก เวลาหายใจเข้าหน้าอกจะบุ๋มปกติขณะหลับ โดยปกติขณะหลับกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายจะหย่อนตัวลง รวมทั้งกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจด้วย เด็กที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นกล้ามเนื้อคอจะหย่อนตัวมาก ทำให้ช่องคอแคบกว่าปกติจนกระทั่งช่องคอปิด ทำให้เด็กพยายามหายใจเพิ่มขึ้น อาจได้ยินเสียงหายใจดังเฮือกเมื่อเริ่มกลับมาหายใจอีกครั้ง การหายใจเช่นนี้อาจกระตุ้นให้ตื่นเป็นช่วงสั้น ๆ และอาจทำให้หัวใจมีภาวะขาดออกซิเจน…

Read more

พฤติกรรมการกิน ของลูกน้อย รับมืออย่างไรดี

ความรักที่พ่อและแม่มีให้กับลูกนั้น เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะอธิบายด้วยคาใดได้ แต่คุณพ่อคุณแม่เคยทราบกันบ้างหรือไม่ว่า บางครั้งเราก็ทาร้ายหรือรังแกลูกด้วยการแสดงออกถึงความรักหรือการทุ่มเทให้ความรักด้วยวิธีที่ผิดที่ผิดทางจนลูกของเราไม่สามารถที่จะจัดการกับปัญหาต่างๆที่เขาต้องเผชิญด้วยตัวเองตามวัยของเขาได้ อย่างที่ใครๆหลายคนเรียกว่า “พ่อแม่รักแกฉัน” วันนี้เรามาดูกันว่า พ่อแม่รังแกลูกด้วยวิธีใดได้บ้าง  พฤติกรรมการกิน ถือเป็นปัญหาโลกแตกแทบจะทุกเพศทุกวัยเลยทีเดียว แต่ปัญหานี้จะเป็นที่น่ากังวลและหนักใจที่สุดหากเป็นลูกน้อยของเรา ไม่ว่าจะติดเล่นไม่ยอมกิน หรือหากกินก็เล่นอาหาร แม้แต่เวลากินอาหารจะต้องมีคนป้อนเสมอถึงจะยอมกิน ปัญหาเหล่านี้จะหายไปเพียงแค่คุณพ่อคุณแม่มอบอำนาจให้แก่ลูก และไม่คิดเองเออเองแทนลูก จะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร ตามมาดูกันเลย 2 Step ‘พฤติกรรมการกิน’ ที่พ่อแม่ต้องทำ 1.กำหนดกติกาการกิน ใช่แล้ว .. ทุกอย่างย่อมมีกติกา การกำหนดกติกาในการกินอาหารหากคุณพ่อคุณแม่บ้านไหน นึกไม่ออก ก็สามารถนำกติกาที่เราจะมาเล่าสู่กันฟังนี้ไปใช้หรือปรับใช้ให้เข้ากับครอบครัวของแต่ละคนได้เลยค่ะ - กำหนดเวลากินอาหารที่พร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว จะกำหนดเป็นเวลา 6 โมง 6 โมงครึ่ง ก็ได้ค่ะ ยืดหยุ่นตามกิจกรรมหรือเวลาว่างของคนในครอบครัวได้เลย ปล.แต่ถ้าหากวันไหนไม่ว่างกินพร้อมกันก็ไม่เป็นไรค่ะหยวนๆกันไปบ้างบางวันเนอะ ^^ - กำหนดเวลากินอาหาร กำหนดเวลากินอาหารแต่ละครั้งค่ะ ว่าควรกินกันกี่นาทีเพื่อให้มีเวลาเหลือไปทำธุระส่วนตัวหรือกิจกรรมร่วมกับคุณลูกให้มากขึ้นด้วย เช่น กำหนดเวลากินอาหารเช้า 20 นาที เพราะเป็นเช้าที่เร่งรีบต้องทำเวลากันหน่อย หรือกินอาหารเย็น 30 นาที อะไรแบบนี้ค่ะ - ห้ามกินขนม ของว่าง หากไม่กินอาหารหลัก เราว่าข้อนี้หลายๆบ้านน่าจะเป็นกัน ที่ลูกไม่ยอมกินข้าวเลย กินแต่ขนมหรือของว่างต่างๆ ก็อาจจะบอกลูก เตือนลูกว่า ‘หากไม่กินอาหารหลักจะอดกินของว่างนะ’ หรือลูกไม่ยอมก็ให้เขาอดอาหารมื้อนั้นไปเลยค่ะ จะได้รู้จักกับความหิวด้วยว่าเป็นอย่างไรหากไม่ยอมกินอาหาร 2.บังคับใช้กติกา บังคับใช้กติกานะคะ…

Read more

5 วิธีจัดการผดผื่นเจ้าตัวเล็ก

ใคร ๆ ก็อยากให้ลูกอยู่สุขใจสบายเนื้อสบายตัว ไม่มีปัญหารบกวนผิว แต่ลูกกลับมีปัญหาผดผื่นขึ้นจนได้ ยิ่งอากาศบ้านเราเปลี่ยนแปลงง่าย เริ่มอบอ้าวทีไรผดผื่นลูกก็ผุดขึ้นมาให้แม่ ๆ กลุ้มใจได้ตลอด ไม่เป็นไรค่ะเรามีวิธีจัดการ รู้ทันผดผื่น ทราบไหมคะว่าผดของลูกเกิดจากมีเหงื่อออกมาก เนื่องจากร่างกายมีความร้อนมากเกินไปค่ะ ไม่ได้เกิดจากการสัมผัสกับแสงแดด ผดจะมีลักษณะเป็นผื่นสีแดง ๆ มักขึ้นตามร่างกายในบริเวณที่มีต่อมเหงื่อมาก เช่น ใบหน้า ซอกคอ ไหล่ ตามข้อพับ ขาหนีบ ตัวลูกก็จะแดง ๆ และผิวหนังจะร้อน สาเหตุที่วัยเบบี๋เป็นผดบ่อย เพราะต่อมเหงื่อยังพัฒนาไม่เต็มที่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงแต่อย่างใด วิธีดูแล หาเสื้อผ้าเนื้อบางเบา เหมาะสมกับอากาศมาสวมใส่ให้ลูกเล็กอย่างผ้าฝ้าย ซึ่งเป็นผ้าที่ซับเหงื่อได้ดี และไม่ทำให้ร่างกายของลูกร้อน จึงเหมาะสมสำหรับการให้เด็กสวมใส่มากที่สุด งดเสื้อผ้าที่เป็นขนสัตว์มุ้งมิ้ง หรือเส้นใยสังเคราะห์ อย่าสวมเสื้อหนาเกินไป หรือใส่ให้ลูกหลาย ๆ ชั้น ยิ่งอากาศร้อน ห้ามใส่ หมั่นอาบน้ำชำระร่างกายให้ลูกบ่อย ๆ ด้วยน้ำธรรมดาในอุณหภูมิห้อง แล้วเช็ดตัวให้แห้ง การอาบน้ำบ่อย ๆ จะช่วยให้ผิวหนังลูกเย็นลง ลูกก็จะสบายตัวมากขึ้น จัดห้องลูกไม่ให้ร้อนอบอ้าว อากาศถ่ายเทได้ดี มีลมพัดเข้าออกเบา…

Read more

เด็กมีพัฒนาการดนตรีตามวัยด้วยนะ

เด็กตอบสนองเสียงต่าง ๆ ตั้งแต่แรกเกิดค่ะ คุณแม่ลองสังกตลูกดูว่าถ้ามีเสียงดนตรีแทรกขึ้นขณะที่มีเสียงอื่นดังอยู่ ลูกจะทำท่าเงี่ยหูฟังดนตรีอย่างตั้งใจ ถ้าได้ยินเสียงแม่เห่กล่อม ลูกก็จะนอนง่ายขึ้น เด็กในวัยแรกเกิดถึง 1 ขวบมีพัฒนาการตอบสนองต่อเสียงดนตรีเพิ่มขึ้นตามวัยดังนี้ค่ะ วัย 1 เดือน รู้จักมองหาจุดที่มาของเสียงที่ได้ยิน เมื่อได้ยินเสียงแม่ร้องเพลงจะจำได้เป็นพิเศษ วัย 2 เดือน สนใจฟังเสียงต่าง ๆ แสดงอาการชอบใจ เมื่อได้ฟังเสียงดนตรีและเสียงเพลงจะชะงักงัน และหยุดนิ่งเพื่อฟังเสียง วัย 3 เดือน หนูชอบส่งเสียงอืออาตอบรับเสียงที่ได้ยิน หันหน้าไปหาเสียงเพลง เงี่ยหูฟัง บางทีก็หยุดดูดนมเพื่อตั้งใจฟังเสียงที่เกิดขึ้น ส่งเสียงในลำคอโต้ตอบเสียงนั้น วัย 4 เดือน เวลาได้ยินเสียงดนตรีจะตอบสนองทันที มองหาแหล่งเกิดเสียงแล้วก็หยุดฟังเสียงดนตรี เวลาลูกส่งเสียงเหมือนพูดคุย ก็ยังมีระดับเสียงขึ้นลงเหมือนเสียงดนตรีด้วยนะ วัย 5 เดือน เวลาเปิดเพลงจะมีปฏิกิริยาเหมือนตอบสนองต่อจังหวะและทำนองดนตรี แล้วจะใช้วิธีการส่งเสียงเป็นการสื่อสารกับคนอื่นได้ด้วย วัย 6 เดือน ทำท่าพอใจเมื่อได้ยินเสียงดนตรี เช่น ผงกหัว โน้มตัวลงตอบสนอง ส่งเสียงพึมพำ ทำหน้าประหลาดใจต่อแหล่งที่มาของเสียง พูดเลียนระดับเสียงดนตรี…

Read more

ลูกเอาแต่ใจ ต่อต้าน จัดการได้แค่ปรับความคิด

ลูกเอาแต่ใจ คุณพ่อคุณแม่ที่เข้ามาอ่านบทความนี้ไมต้องเครียดกันค่ะ เพราะพฤติกรรมแบบนี้เด็กแทบจะทุกคนต้องเป็น และเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่มากๆที่พ่อแม่หลายคนรับมือกับมันไม่ค่อยได้ จนทำให้ลูกถึงขั้นแอนตี้พ่อแม่ได้เลยหากเราแสดงการกระทำและวิธีการรับมือกับสิ่งนี้ไม่ถูกต้อง แท้จริงแล้วเราไม่ต้องไปสรรหาวิธีอะไรมากมายให้ยุ่งยากเลยค่ะ เพียงแค่ปรับความคิดเหล่านี้ คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถรับมือกับการเอาแต่ใจของลูกๆได้ทุกสถานการณ์เลย ลูกเอาแต่ใจ ปรับได้ด้วย 2 ความคิดนี้ 2 ความคิดนี้จะเป็นความคิดที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้ตัวค่ะ ว่าสิ่งที่ทำใส่ไปลูก แม้จะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจสามารถส่งผลกระทบต่อนิสัยการเอาแต่ใจ ต่อต้อน ของเขาได้ค่ะ ความคิดแบบที่ 1 การตอบสนองกลับแบบมุ่งจัดการให้อยู่หมัด ความคิดแบบที่ 2 การตอบสนองกลับแบบมุ่งช่วยหาจุดลงตัวให้ลูก เอาหล่ะค่ะ .. เราจะมายกตัวอย่างง่ายๆของความคิดทั้ง 2 แบบกัน เหตุการณ์ : ลูกไม่ยอมไปอาบน้ำ ร้องไหโวยวาย ความคิดแบบที่ 1 : เมื่อลูกของเราไม่ยอมไปอาบน้ำ ร้องไหโวยวาย ถ้าเป็นแบบนี้พ่อแม่บางคนอาจจะปรอทแตกเลยค่ะ ว่าลูกขัดคำสั่ง ไม่ยอมเชื่อฟัง ดื้อ จึงทำให้เกิดการตอบสนองแบบอยากจะบังคับลูกให้ไปอาบน้ำให้ได้ ทำอย่างไรก็ได้ แต่ในทางตรงกันข้ามเลยค่ะกับความคิดแบบที่ 2 ความคิดแบบที่ 2 : เมื่อลูกของเราไม่ยอมไปอาบน้ำใช่ไหมคะ คุณพ่อคุณแม่ที่มีความคิดแบบที่ 2 นี้ จะเข้าใจค่ะว่าสิ่งที่ลูกกระทำ ไม่ว่าจะเป็นร้องไหโวยวายไม่ยอมอาบน้ำ เพราะลูกต้องการมีตัวตน ดังนั้นพ่อแม่ความคิดแบบที่ 2 จะใช้เหตุผลและมีความใจเย็นมากกว่าแบบความคิดที่ 1 ค่ะ เพื่อให้ลูกของเราก้าวร้าวน้อยลงหรือเข้าใจในสิ่งที่ตนเองทำค่ะ เนื่องจากการหาจุดลงตัวระหว่าง “ฟังเสียงตนเอง” กับ “ฟังเสียงคนอื่น” ในการมีตัวตนของลูกนั้นเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเขาและเราต้องช่วยเหลือเขา อาจจะค่อยกระทำให้เขารับรู้และคิดได้เอง สรุป เห็นไหมคะ ว่าการแก้ปัญหาของลูกๆถ้าพ่อแม่สังเกตกันแทบจะไม่ต้องแก้ไขที่ตัวลูกเลยค่ะ เพราะส่วนใหญ่แล้วล้วนเกิดจากการตัวของพ่อแม่เองทั้งนั้น หากเราอยากให้ลูกเติบโตไปอย่างมีคุณภาพ และไว้ใจเรา ทำง่ายๆค่ะ แค่เปลี่ยนมุมมองความคิดของเราเองนี่แหละ แล้วลูกก็จะรู้สึกได้เองค่ะว่าพ่อแม่คือพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเขา และเราก็จะไม่ต้องกังวลด้วยว่าลูกจะมีปัญหาอะไรรึเปล่า

Read more