มีพ่อแม่บ้านไหนที่ทะเลาะกับลูกแทบทุกวันบ้าง คิดว่าคงมีหลายบ้านเลยที่ต้องพบเจอกับสภาวะแบบนี้ ลูกไม่ยอมไม่อาบน้ำ ลูกไม่ยอมไปทานข้าว เรียกแล้วเรียกอีกก็ทำเป็นไม่ได้ยิน สุดท้ายเรื่องราวมักจบลงที่คุณพ่อคุณแม่โมโหและต้องบังคับใช้มาตรการต่างๆ ทั้งข่มขู่ ทั้งตัดสิทธิ์ หรือบางบ้านอาจจะถึงกับลงไม้ลงมือตีกันไปเบาเบา แม้สุดท้ายลูกจะยอมทำตามที่พ่อแม่สั่งหรือบังคับ แต่เราก็ต้องสูญเสียบรรยากาศดีดีในบ้านไป มันจะดีกว่านี้ไหม... หากเราสามารถฝึกวินัยเชิงบวกให้ลูกกำกับตนเองได้ จะฝึกลูกให้มีวินัยกากับตนเองได้ พ่อแม่ต้องทาอย่างไร การฝึกวินัยเชิงบวกให้กับลูกต้องเริ่มต้นที่ความตั้งใจอันแน่วแน่ของคุณพ่อและคุณแม่ เพราะการฝึกนั้นย่อมต้องใช้ระยะเวลา ทาซ้าและสม่าเสมอ คุณพ่อคุณแม่ควรกาหนดกติกาหรือกิจวัตรประจาวันที่ลูกต้องทาอย่างสม่าเสมอ และกากับให้เวลาเป็นไปตามนั้น หากลูกไม่ปฏิบัติหรือมีอาการงอแง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ทาความเข้าใจก่อนว่า นั่นเป็นเรื่องปกติตามวัยของเขา ซึ่งเราต้องเตรียมความพร้อมที่จะรับมือ และเราจะถือเอาโอกาสนั้นในการฝึกเขา โดยการสื่อสารเชิงบวก ชวนลูกใช้สมองคิดอย่างใจเย็น วิธีรับมือเมื่อลูกไม่ทำตาม บอกเหตุผลกับลูกเพื่อฝึกสมองส่วนคิดวิเคราะห์ ในการบอกเหตุผลกับลูกนั้น ขอให้คุณพ่อคุณแม่มองหน้ามองตาและสื่อสารกับลูกด้วยท่าทีที่ปกติ เช่น เมื่อเราต้องการให้ลูกไปอาบน้ำ แทนที่เราจะบ่นว่า ว่าทำไมไม่ยอมมา แม่จะโมโหแล้วนะ เราควรพูดอธิบายถึงเหตุผลที่เขาต้องอาบน้ำในเวลานี้ เช่น เรากำหนดเวลาอ่านนิทานไว้สองทุ่ม หากลูกอาบน้ำช้า ลูกก็จะอดอ่านนิทานก่อนนอนนะคะ” เปิดพื้นที่เพื่อรับฟังเหตุผลของลูก เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกมีตัวตนและได้บอกกล่าวถึงสิ่งที่เขาคิดเพื่อเชื่อมโยงกับสถานการณ์ เช่น ลูกอาจจะไม่อยากไปอาบน้ำตอนนี้เพราะมีเพื่อนมาเล่นด้วย และเพิ่งได้เล่นกับไปแป๊ปเดียว หากได้รับคำตอบที่คุณพ่อคุณแม่รู้สึกขัดใจ อย่าเพิ่งรีบโมโห ให้ลองสรุปสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากลูกตัดสินใจเช่นนั้นให้เขาฟังต่อไป สรุปข้อมูลตามการตัดสินใจของลูกให้เขาฟัง เพื่อให้สมองส่วนคิดวิเคราะห์ของลูกทำงานง่ายขึ้น เช่น หากลูกไม่ไปอาบน้ำในเวลานี้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องพักผ่อนลูกจะไม่ได้อ่านนิทาน หรือได้อ่านน้อยลงนะคะเพราะเวลาไม่เพียงพอแล้ว…
Knowledge
ความรู้ ทั้งอัพเดท และ How to การเลี้ยงดูลูก รวมถึงการดูแลตัวเอง ฉบับคุณแม่ คุณพ่อ ยุคใหม่ ที่ครบคลุมตั้งแต่ ช่วงตั้งครรภ์ จนถึง ลูกอยู่ในวัยประถม
ในยุคปัจจุบันเราได้ยินเรื่องสมาธิสั้นกันจนคุ้นหู หากเด็กคนไหนซุกซน มีความจดจ่อต่อสิ่งที่ทำน้อย คุณพ่อคุณแม่มักจะกังวลว่าเอ๊ะลูกเราเป็นสมาธิสั้นหรือเปล่า คำว่า “สมาธิ” หรือจิตจดจ่อนั้น เกี่ยวข้องกับคำ 2 คำ คือ sustained attention หมายถึง การคงสมาธิจนงานสำเร็จ และ selective attention หรือการเลือกตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น (ตรงหน้า) ไม่วอกแวกตอบสนองกับสิ่งกระตุ้นอื่น ในการทำงานให้บรรลุแล้วเสร็จหนึ่งขั้นตอนของเด็กๆนั้น ต้องอาศัยทั้ง 2 สิ่งนี้ นั่นคือมีจิตจดจ่อเพียงพอจะทำงานนั้นได้ และเมื่อมีสิ่งเร้าก็ไม่วอกแวกหรือถึงวอกแวกบ้างก็กลับมาจดจ่อจนทำงานสาเร็จได้ ตัวการที่ทำให้เด็กๆทำภารกิจ 2 สิ่งนี้ได้สำเร็จคือสารสื่อประสาทในสมอง ซึ่งในเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้น สารสื่อประสาทในสมองจะขาดสมดุลของสารเคมี จึงทำให้วอกแวกง่ายและคงสมาธิจนงานสาเร็จไม่ได้ กรณีตัวอย่างเรื่องสมาธิในเด็กเล็กๆ เช่น เมื่อเขาได้รับมอบหมาย หรือมีภารกิจในการเก็บของเล่น จำนวน 10 ชิ้นลงในตระกร้า เด็กๆ จะเริ่มหยิบของเล่น 1 ชิ้นใส่ตระกร้าและตามด้วยชิ้นที่ 2 ...ชิ้นที่3 แต่หากสายตาของเขาเกิดหันไปเจอกับขนมหรือลูกกวาด เขาจะเลือกตอบสนองด้วยการเดินไปหยิบขนมมาทานโดยไม่สามารถทำภารกิจตรงหน้าได้สำเร็จ เพราะ เด็กเล็กๆ นั้นยังไม่ทราบว่าเขาจะเลือกตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น” (selective attention) ได้อย่างไร ความจดจ่อในการทำภารกิจ…
ในขณะที่คุณแม่กำลังแต่งหน้า อาจจะมีลูกน้อยหน้าใสวัย 5 ขวบมายืนมองตาปริบๆ แล้วเอ่ยปากถามว่า “คุณแม่ขา หนูขอทาปากสีแดงๆ ได้ไหมคะ?” บรรดาคุณแม่ผู้เคร่งครัดอาจจะดุลูกเพราะไม่อยากให้ลูกทำอะไรที่เกินวัยดูไม่น่ารัก ทั้งที่จริงแล้วเป็นธรรมชาติของเด็กๆ ในวัยอยากรู้อยากเห็น ชอบทำตามผู้ใหญ่ และสนใจที่จะทดลองทำสิ่งต่างๆ คุณแม่ทั้งหลายอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจว่าการแต่งหน้าสำหรับลูกน้อยเป็นเรื่องเหลวไหล และไม่ควรจำกัดจินตนาการของเด็กๆ ถ้าท่องไปในโลกโซเชี่ยลจะเห็นว่าบรรดาเมคอัพอาร์ทติสต์ โดยเฉพาะบิวตี้บล็อกเกอร์ เริ่มอายุน้อยลงเรื่อยๆ แทนที่จะกลุ้มใจและห้ามลูก มีวิธีและทางเลือกมากมายที่จะทำให้ทั้งลูกน้อยมีความสุขและปลอดภัยในการแต่งหน้าตั้งแต่เยาว์วัย เด็กๆ เริ่มแต่งหน้าได้เมื่ออายุเท่าไรดี มีงานวิจัยโดยผลิตภัณฑ์ขนตาปลอมยี่ห้อหนึ่งในประเทศอังกฤษได้สำรวจความคิดเห็นคุณแม่จำนวนกว่า 2,000 คน ซึ่งมีลูกสาวอายุต่ำกว่า 13 ปีอย่างน้อย 1 คน เกี่ยวกับพฤติกรรมการชอบแต่งหน้าของเด็กๆ พบว่า เด็กที่อายุน้อยที่สุดที่เริ่มใช้เครื่องสำอางคืออายุ 2 ขวบ และเป็นเพียงการทาเล็บให้มีสีสันสวยงาม สำหรับคุณแม่ส่วนใหญ่แล้วจะรู้สึกสบายใจและยอมให้ลูกสาวแต่งหน้าเมื่ออายุ 5 ขวบ ซึ่งหมายถึงการแต่งหน้าที่ใช้เพียงแค่มาสคารา อายแชโดว์ และลิปสติกเท่านั้น แต่ถ้าเป็นการแต่งหน้าแบบเต็มสตรีมชนิดที่ใช้รองพื้นและเครื่องสำอางอื่นๆ คุณแม่บอกว่าขอให้ลูกโตอายุ 13 ปีขึ้นไปก่อนจะดีกว่า เลือกซื้อเครื่องสำอางอย่างไรจึงปลอดภัยต่อลูกรัก เชื่อว่าคุณแม่ส่วนใหญ่มักไม่ยอมให้ลูกน้อยแต่งหน้า แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ พอหันหลังเดินออกจากห้องไป กลับมาอีกทีจะพบว่า หน้าตาลูกน้อยเต็มไปด้วยสีสันฉูดฉาด เนื้อตัวเลอะเทอะ เพราะเด็กๆ…
มีพ่อแม่บ้านไหนที่ทะเลาะกับลูกแทบทุกวันบ้าง คิดว่าคงมีหลายบ้านเลยที่ต้องพบเจอกับสภาวะแบบนี้ ลูกไม่ยอมไม่อาบน้า ลูกไม่ยอมไปทานข้าว เรียกแล้วเรียกอีกก็ทาเป็นไม่ได้ยิน สุดท้ายเรื่องราวมักจบลงที่คุณพ่อคุณแม่โมโหและต้องบังคับใช้มาตรการต่างๆ ทั้งข่มขู่ ทั้งตัดสิทธิ์ หรือบางบ้านอาจจะถึงกับลงไม้ลงมือตีกันไปเบาเบา แม้สุดท้ายลูกจะยอมทาตามที่พ่อแม่สั่งหรือบังคับ แต่เราก็ต้องสูญเสียบรรยากาศดีดีในบ้านไป สอนวินัย ให้เด็ก
ถือเป็นสิ่งพื้นฐานที่พ่อแม่ทุกคนจะต้องสอนลูกแต่เล็กๆเลยค่ะ เคยได้ยินไหมคะคำว่า ‘ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แข็งดัดยาก’ เพราะจะทำให้วินัยเหล่านี้ติดตัวลูกๆไปยันโตจนแก่ได้เลยค่ะ
แต่ปัญหาคือพ่อแม่ส่วนใหญ่มักมีอารมณ์ในสิ่งที่ลูกทำ ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ชอบใจ
วันนี้เราจะให้คุณพ่อคุณแม่มาเช็คกันค่ะว่าที่ทำอยู่เรียกว่าสอนวินัย
หรือแค่อยากจะเอาชนะลูกกันแน่ สอนวินัย คือ การควบคุมพฤติกรรมของคน
โดยการใช้กฎ ระเบียบ หรือการสั่งสอน อบรม เอาชนะ คือ
การทำอะไรก็ได้ค่ะที่ต้องได้ดั่งใจเรา โดยไม่คำนึงว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร สอวินัยให้เด็ก หรือ อยากเอาชนะ กันแน่ ? .เราจะมายกตัวอย่างง่ายๆกันค่ะ
ให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้ตัวว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นถูกต้องจริงๆ “คุณพ่อไม่ชอบให้ลูกเล่นเกมส์
เพราะกลัวจะเสียการเรียน พอเห็นลูกเล่นเกมส์ คุณพ่อก็โกรธ โมโห ยึดโทรศัพท์ ยึดคอม” จริงๆแล้ว คุณพ่อมีความหวังดีค่ะ
กลัวลูกจะติดเกมส์จนเสียการเรียนไม่ได้อ่านหนังสือ
แต่มันเป็นการเอาชนะมากกว่าสอนวินัยค่ะ เพราะพอคุณพ่อเห็นลูกเล่นเกมส์ก็เริ่มมีอารมณ์เหมือนลูกขัดใจในสิ่งที่พ่อไม่ชอบให้ทำจนยึดโทรศัพท์
ยึดคอม มันเป็นวิธีที่ผิดอย่างมากค่ะ เพราะยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
เราอาจจะมาปรับเป็นการกำหนดเวลาเล่นเกมส์ค่ะว่าหากเล่นได้ก็ต้องอ่านหนังสือตั้งใจเรียนได้ด้วยเหมือนกัน ตามอารมณ์ตัวเองทันหรือยัง .. ? ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก
กอ.ไก่ล้านตัวเลยค่ะ หากเราจะตามอารมณ์ตัวเองให้ทันเราควรที่จะ .. ฝึกเข้าใจอารมณ์ของตัวเองให้มากขึ้น ฝึกการจัดการอารมณ์ของตัวเองเมื่อเกิด…
ความก้าวร้าวของลูกไม่ใช่ปัญหาเล็กค่ะ เพราะพฤติกรรมดังกล่าวจะทำให้เด็กไม่เป็นที่ต้อนรับในสังคมค่ะ ผลเสียก็จะกลับมาสู่ตัวลูกเอง ไม่มีเพื่อนคนไหนอยากเล่นด้วย ผู้ใหญ่ก็จะไม่เอ็นดูเขาคุณพ่อคุณแม่ช่วยลูกสลายความก้าวร้าวได้ค่ะ มีคำแนะนำดี ๆ มาฝาก 8 ข้อ 1.เลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้ลูกก้าวร้าว ถ้าเริ่มทะเลาะกับพี่กับน้องให้เบี่ยงเบนความสนใจ หรือแยกลูกออกมาก่อน 2.อย่าใช้การดุว่าแรง ๆ หรือการตีลงโทษเขา ใช้วิธีแยกตัวให้เขาสงบอารมณ์คนเดียวก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน 3..เวลาสงบใจดีแล้ว พูดคุยถามความรู้สึกลูก บอกเขาว่าคุณแม่เข้าใจ แต่ลูกต้องแสดงอารมณ์อย่างเหมาะสมด้วย 4.เลี่ยงการรับสื่อที่ก้าวร้าว ทั้งทาง วิทยุ เกม คลิป ฯลฯ 5.คุณพ่อคุณแม่เป็นต้นแบบที่ดีไม่ก้าวร้าว ไม่ใช้อารมณ์ ความอบอุ่นอ่อนโยนช่วยสยบความก้าวร้าว 6.อย่างเลี้ยงลูกแบบเผด็จการหรือตามใจมากเกินไป 7.ชมหรือให้รางวัลเวลาเขาม่ความพยายามลดความก้าวร้าวเอาแต่ใจลง 8.ให้ลูกเล่นซนออกกำลังกายเต็มที่ จะช่วยลดพลังความก้าวร้าวลงไปได้ ถ้าพฤติกรรมของลูกน่าจะเข้าข่ายไม่ธรรมดาคงต้องปรึกษาคุณหมอ อาจพบปัญหาอื่นซ่อนอยู่ เช่น โรคสมาธิสั้น ไฮเปอร์แอคทีฟ หรือโรคทางสมองบางอย่างค่ะ จะได้แก้ไขถูกจุดค่ะ
สถิติเด็กไทยเสียชีวิตกว่าปีละ 1,400 คนต่อปี การปฐมพยาบาลที่ถูกวิธีจะช่วยเหลือเด็กจมน้ำได้ เพราะเด็กจมน้ำจะขาดอากาศหายใจและหมดสติ น้ำที่สำลักเข้าไปในปอดจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่วินาที อย่าทำ ! อย่าพยายามที่จะเอาน้ำออก เช่น การอุ้มพาดบ่าเพื่อกระทุ้งเอาน้ำออก หรือวางคว่ำบนกระทะใบบัวแล้วรีดน้ำออก ไม่มีความจำเป็นและอาจก่อให้เกิดผลเสียได้ เพราะน้ำที่ไหลออกมาจากการกระทุ้งหรือรีดท้องนั้นเป็นน้ำจากกระเพาะอาหาร ไม่ใช่น้ำจากปอด หลักการปฐมพยาบาลเด็กจมน้ำที่สำคัญที่สุด คือการช่วยให้เด็กหายใจได้ให้เร็วที่สุด การปฐมพยาบาลเด็กจมน้ำที่รู้สึกตัว หากเด็กรู้สึกตัวหายใจได้เอง การปฐมพยาบาลคือการเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าแห้งให้แก่เด็ก และนำส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบอาการแม้เด็กจะหายใจได้ดีในระยะแรก แต่อาจมีอาการหายใจลำบากได้ในภายหลัง สาเหตุจากถุงลมในปอดถูกทำลายจากการสำลักน้ำ การปฐมพยาบาลเด็กจมน้ำที่ไม่หายใจ และ/หรือ หัวใจไม่เต้น 1.ขอความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่ใกล้ และรีบโทรขอความช่วยเหลือหน่วยฉุกเฉินที่ 1669 2.เปิดทางเดินหายใจ โดยให้เด็กนอนราบกดหน้าผากลงและเชยคางขึ้นเบา ๆ 3.ตรวจการหายใจในเวลา 3-5 วินาที โดย มองหน้าอกหรือท้องว่ามีการเคลื่อนไหวหรือไม่ ฟังดูว่ามีเสียงหายใจหรือไม่ สัมผัส โดยแนบใบหน้าไปใกล้จมูกและปากของเด็กเพื่อสัมผัสลมหายใจ 4.ช่วยการหายใจ เมื่อพบว่าเด็กไม่หายใจ ให้ประกบปากของผู้ช่วยเหลือครอบจมูกและปากเด็กและเป่าลมหายใจออก 2 ครั้งโดยให้แต่ละครั้งยาว 1 - 2 วินาทีและสังเกตว่าหน้าอกของเด็กขยายตามการเป่าลมหรือไม่ในกรณีอายุน้อยกว่า 1 ปี…
ตั้งแต่มีลูกคุณแม่แทบไม่มีเวลาของตัวเอง รักลูกน่ะรักแต่คณแม่หลายคนอดรู้สึกไม่ได้ว่าความสุขส่วนตัวลดน้อยลงไป วิธีหนึ่งที่ช่วยคุณแม่ได้คือการปรับมุมมอง ความจริงเราสามารถทำให้ช่วงเวลาอยู่กับลูกเป็นเวลาแห่งความสุขของแม่ได้ค่ะเล่นอะไรดีนะ 1.เล่นเกมกับลูก เกมกระดาน (board game) เช่น ไพ่ UNO เกมเศรษฐี หมากฮอส หมากรุก โกะ โดมิโน่ สแครบเบิล หรือชวนลูกออกไอเดียคิดเกมใหม่ ๆ ขึ้นมาเล่นกันในครอบครัว 2.ออกกำลังด้วยกัน อาจจะเล่นในบ้าน เช่น ไล่จับ กระโดดตามช่องหรือตั้งเต หรืออาจเล่นกีฬา เช่น ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ เล่นบอล ปิงปอง แบตมินตัน จ๊อกกิ้ง สเก็ตช์บอร์ด ปีนหน้าผาจำลอง ฯลฯ 3.สนุกกับงานบ้าน เด็กเล็กจะมีช่วงเวลานึงสนใจงานบ้าน อย่ารีบห้ามค่ะ ให้ลูกมีส่วนร่วมเท่าที่เขาจะทำได้ ฝึกให้ลูกสนุกกับงานบ้าน เขาอาจชอบถูบ้าน ล้างรถ รดน้ำต้นไม้ ฯลฯ สร้างบรรยากาศสนุกสนานระหว่างทำงานบ้านด้วยกัน 4.ชวนเล่านิทาน ถ้าชอบจินตนาการ ลองชวนลูกเล่านิทาน ผลัดกันเล่า อาจเป็นการเล่าต่อประโยคกันหรือเล่ากันคนละ…
แสงสีฟ้าจากแท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ ส่งผลต่อต่อสุขภาพสายตาของเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลควบคุมการใช้อุปกรณ์เหล่านี้ค่ะ แสงสีฟ้าคืออะไร แสงที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวัน แบ่งออกได้ทั้งหมดเป็น 7 สี คือสีแดง ม่วง ส้ม เหลือง น้ำเงิน คราม และเขียว แสงสีฟ้าจะเป็นสีที่ให้ความสว่างมากที่สุด อันตรายของแสงสีฟ้า แสงสีฟ้าทำให้ดวงตาเป็นอันตรายมากที่สุด สามารถทะลุทะลวงถึงจอประสาทตา มีพลังทำลายกระจกตาหรือจอประสาทตาได้มากกว่าแสงสีอื่น ความสว่างมากทำให้ดวงตาล้าได้ง่าย ส่วนการหรี่แสงลงมาก ๆ ทำให้ต้องเพ่งมองหนักขึ้น การใช้อุปกรณ์ให้แสงสีฟ้าในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น ใช้ในที่มืด ปิดไฟ ก็เป็นอันตรายต่อดวงตา การจดจ่ออยู่หน้าจอนานเกิน 2-3 ชั่วโมงเป็นประจำ ทำให้ระคายเคืองเยื่อบุตาและกระจกตา และมีอาการปวดตา แสบตา ตาแห้ง ตามัว ปวดศีรษะ และมีปัญหาสายตา ดูแลลูกอย่างไรให้ปลอดภัยจากแสงสีฟ้า คุณพ่อคุณแม่ควรควบคุมการอยู่หน้าจอต่าง ๆ ของลูก ติดฟิล์มถนอมสายตาตัดแสงสีฟ้าในมือถือหรือแท็บเล็ต…
ใบกะเพรานอกจากทำเป็นเมนูฮิตประจำชาติผัดกะเพราแล้ว ปรุงเป็นแกงจืดก็รสชาติอร่อยรับประทานง่าย ปลายฝนต้นหนาวอย่างนี้เด็ก ๆ มักจะเป็นหวัดง่ายคุณแม่ลองทำแกงจืดผัดกะเพราให้ลูกรับประทานกันค่ะ นอกจากคุณสมบัติเด็ดในการต้านหวัดแล้ว กะเพรายังช่วยบรรเทาอาการไอ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ คลายเครียด แก้อักเสบ เนื่องจากใบกะเพรานั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระค่ะ เครื่องปรุง ใบกะเพรา แคร์รอต หมูสับ กระเทียม พริกไทย รากผักชี น้ำปลา ซีอิ๊วขาว น้ำตาล วิธีทำ ตั้งน้ำซุปกระดูกหมูในหม้อให้เดือด ใส่กระเทียมพริกไทยรากผักชีโขลกลงไปพอหอม ๆ ตามด้วยหมูสับปั้นก้อน พอหมูสุกดีแล้วใส่แคร์รอตเพื่อให้ดูน่ารับประทาน เหยาะน้ำปลาปรุงรสอย่าให้รสเค็มจัด ใส่น้ำตาลเล็กน้อยเพื่อปรุงรสให้กลมกล่อมโดยไม่ต้องใช้ผงชูรส ใส่ใบกะเพราพอสุกปิดไฟยกลงจากเตา
เปิดเทอมไปสักพักหนึ่งแล้วคุณลูกยังป่วนอยู่หรือเปล่าคะ อะไรก็ตามพอทิ้งไปนานเข้าก็กลายเป็นเรื่องยาก จึงเป็นธรรมดาที่ลูกจะดื้อและป่วนในช่วงเปิดเทอมใหม่ ๆ เพราะเคยอิสระมานาน หมดช่วงเวลาแห่งความสนุกต้องมาตื่นแต่เช้า ไปเรียนหนังสือ แม่ ๆ มาหาวิธีรับมือกันค่ะ 1.ให้ลูกนอนแต่หัวค่ำ บ้านไหนฝึกลูกให้นอนหัวค่ำตลอดจะช่วยได้มาก ลูกจะตื่นเช้าโดยไม่อิดออดเพราะได้นอนครบ 10 ชั่วโมงเต็ม ๆ โดยประมาณตามวัยของเขา 2.สร้างบรรยากาศการไปโรงเรียนให้สดชื่น เลี่ยงการดุหรือบ่นลูก อาจจะเตรียมมื้อเช้าเมนูโปรด หรือบอกลูกว่าหลังเลิกเรียนจะชวนเขาทำกิจกรรมที่ชอบ 3.ช่วยดูแลจัดกระเป๋านักเรียน ทำให้กิจกรรมนี้เป็นเรื่องสนุกร่วมกัน ช่วยดูแลการบ้านเพื่อช่วยลดความเครียดให้เขา 4.หลังเลิกเรียนให้ลูกได้กลับมาพักผ่อนเร็ว ๆ ได้ทำกิจกรรมที่เขาชอบ หลังจากพักหายเหนื่อยชวนเขาขี่จักรยาน เล่นบอล หรือทำกิจกรรมที่ได้ออกกำลังกาย 5.ในช่วงแรกอาจเพิ่มสิทธิพิเศษบางอย่างให้ลูก เช่นให้เล่นได้นานหน่อย ได้กินขนมหรือของเล่นที่เขาชอบบ้าง แต่ต้องมีขอบเขตไม่ให้ต่างจากข้อกำหนดเดิมมากเกินไป ช่วงแรก ๆ นี้คุณแม่อย่าเพิ่งเป๊ะมาก ลดความเคร่งครัดในสิ่งที่ลูก “ต้อง” ทำลงสักนิด รอเขาปรับตัวได้ค่อยว่ากันค่ะ